วันพุธที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2552

วันเสาร์ที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2552

สันโศก



สันโศก (clausena evcavata)

สันโศก เป็นไม้พุ่ม พบได้ทั่วไป มีลำต้นสูงคล้ายกับไม้ยืนต้น พบว่าในรากและเหง้าสันโศก มีสารออกฤทธิ์ยับยั้งเชื้อ HIV-1(เอดส์) ถึง 5 ชนิด ณะวิจัยได้พบวิธีควบคุมคุณภาพของสันโศกโดยการวิเคราะห์สารออกฤทธิ์ยับยั้งเอดส์เพื่อนำไปใช้เป็นสมุนไพรเสริมยับยั้งเชื้อเอดส์ การสกัดด้วย 35% เอทานอล-น้ำ โดยให้ความร้อน หรือ ที่อุณภูมิห้อง จะออกฤทธิ์ยับยั้งเชื้อเอดส์ได้ดี ภูมิปัญญาท้องถิ่นใช้แช่ด้วยเหล้า 35 ดีกรี ประมาณ 7 วัน และก่อนนำไปรับประทานควรนำไปอุ่นเพื่อให้เอทานอลระเหยออกไป สมุนไพรนี้จึงเป็นความหวังที่จะใช้เป็นสมุนไพรเสริมหรือเป็นยารักษาโรคเอดส์ ซึ่งนอกจากรักษาโรคเอดส์แล้ว สันโศกยังเพิ่มภูมิคุ้มกันและยับยั้งเชื้อราและเชื้อวัณโรคได้ด้วย

วันศุกร์ที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2552

พลู



พลู (Piper betle Linn)

พลู เป็นไม้เถาที่มีสารออกฤทธิ์ยูจีนอล และไฮดรอกซีชาวีคอล ซึ่งออกฤทธิ์ยับยั้งเชื้อราและเชื้อแบคทีเรียได้ดีมาก รวมทั้งเชื้อแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดสิว ดังนั้นคณะวิจัยจึงได้ทำการศึกษาสารออกฤทธิ์จากพลูแหล่งต่างๆ พบว่าแต่ละแหล่งมีปริมาณสารออกฤทธิ์ต่างกัน จึงได้นำสารสกัดพลูที่มีสารออกฤทธิ์สูง มาผสมในสบู่ที่มาสารถช่วยป้องกันและยับยั้งสิว และยับยั้งเชื้อจุลินทรีย์ (มีสบู่กลีเซอรีนพลู จำหน่ายในราคาถูกในงานฯ)

แพทชูลี



แพทชูลี (Pogostemon cablin )

แพทชูลี เป็นพืชที่ให้น้ำมันหอมระเหยที่มีราคาแพง ปกติน้ำมันหอมระเหยจากแพทชูลีจะนำเข้าจากต่างประเทศ เพื่อมาใช้ประโยชน์เป็นสุวคนธบำบัดและนำมาใช้ในสปา แพทชูลีสามารถปลูกได้ง่าย คณะวิจัยได้ทำการศึกษาวิธีการปลูก การเก็บเกี่ยว การสกัด เพื่อให้ได้น้ำมันหอมระเหยสูงสุด พบว่าน้ำมันหอมระเหยและสารสกัดจากใบแพทชูลีสามารถยับยั้งเชื้อแบคทีเรียได้หลายชนิด รวมทั้งแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดสิว ดังนั้นคณะวิจัยจึงได้ทำการพัฒนาน้ำมันหอมระเหยและสารสกัดมาเป็นผลิตภัณฑ์สบู่ โฟมล้างหน้า และธูปหอม ส่วนกากแพทชูลีนำมาทำเป็นธูปไล่ยุงที่มีประสิทธิภาพสูง และกลิ่นชวนดม

ขมิ้นชัน


ขมิ้นชัน

ขมิ้นชัน สามารถทำการวิจัยแบบครบวงจร โดยนำไปใช้เป็นส่วนผสมในเครื่องสำอาง เป็นยารักษาโรค คณะวิจัยได้ทำการวิจัยนำสารสกัดซึ่งมีน้ำมันหอมระเหย และเคอร์คูมินอยด์ เป็นสารออกฤทธิ์ที่สำคัญมาทำเป็นสบู่กลีเซอลีนขมิ้นชันที่ใช้ล้างหน้าและฟอกตัวได้ คุณสมบัติทำให้ผิวผ่อง ป้องกันหรือลดกระ ฝ้า ลดรอยเหี่ยวย่น ทำให้อ่อนวัย มีความชุ่มชื้นในขณะเดียวกันได้นำสารออกฤทธิ์เคอร์คูมินอยด์ในสารสกัดมาทำการเติมไฮโดรเจนได้เป็นสารสีขาวมีชื่อว่า เตตระไฮโดรเคอร์คูมินอยด์ (THC) ซึ่งมีคุณสมบัติออกฤทธิ์สูงกว่าเคอร์คูมินอยด์ เมื่อนำไปผสมในครีมจะเรียกว่า ครีมหน้าเด้ง เนื่องจากสามารถช่วยลดริ้วรอย ทำให้อ่อนวัย ลดกระ ฝ้า ทำให้ผิวผ่องได้ดี ให้ความชุ่มชื้น ยับยั้งเชื้อจุลินทรีย์ และกันแดดได้ (ครีมหน้าเด้งและสบู่กลีเซอลีนขมิ้นชันมีจำหน่ายราคาถูกในงานฯ) ในงานนี้ยังแสดงถึงการนำสารสกัดขมิ้นชันไปผสมในอาหารสัตว์น้ำ (กุ้ง ปลา) และสัตว์บก (สุกร ไก่) ซึ่งสามารถช่วยทดแทนสารปฏิชีวนะ เพิ่มภูมิคุ้มกันและลดต้นทุน มีความปลอดภัยสูง และมีการนำน้ำมันหอมระเหยขมิ้นชันผสมกับน้ำมันหอมระเหยอื่นมาทำเป็นน้ำยาล้างมือที่สามารถยับยั้งเชื้อจุลินทรีย์ได้ นอกจากนี้เป็นส่วนผสมในอาหารมนุษย์และอาหารสัตว์ต่างๆ แม้กระทั่งกากขมิ้นชันก็มีประโยชน์ในการนำไปทดแทนส่วนผสมในอาหารสัตว์บางชนิด ทำให้ลดต้นทุนในการผลิต และนอกจากนี้ยังพบว่า สมุนไพรขมิ้นชันสามารถป้องกันเชื้อไข้หวัดนกได้

การท่องเที่ยว

ไข้หวัดใหญ่

ไข้หวัดใหญ่ (Influenza FLU)

เป็นโรคที่พบได้บ่อยมากในคนทุกเพศทุกวัย พบได้เกือบทั้งปี แต่จะเป็นมากในช่วงฤดูฝน (ช่วงเดือนกรกฏาคม ถึง ธันวาคม) บางปีอาจพบการระบาดทั่วโลก พบสาเหตุอันดับแรก ๆ ของอาการไข้ที่เกิดขึ้นเฉียบพลัน แพทย์มักจะให้การวินิจฉัยผู้ใหญ่ที่มีอาการตัว ร้อนมา 2-3 วัน โดยไม่มีอาการอย่างอื่นชัดเจนว่าเป็นไข้หวัดใหญ่

สาเหตุ

เกิดจากเชื้อ ไข้หวัดใหญ่ ซึ่งเป็นไวรัสที่มีชื่อว่า อินฟลูเอนซาไวรัส(Influenza virus) เชื้อนี้จะอยู่ในน้ำมูก น้ำลาย หรือเสมหาของผู้ป่วยติดต่อโดยการไอหรือ จาม หรือหายใจรดกัน

ระยะฟักตัว1-4 วัน เชื้อไข้หวัดใหญ่มีอยู่ 3 ชนิดใหญ่ เรียกว่า ชนิด เอ บี และ ซี ซึ่งแต่ละชนิดยังแบ่งเป็นพันธุ์ย่อย ๆ ออกไปอีกมากมาย ในการเกิดโรคแต่ละครั้งจะเกิดพันธุ์ย่อยเพียงพันธุ์เดียว เมื่อเป็นแล้วจะมีภูมิต้านทานต่อพันธุ์นั้น แต่ไม่สามารถต้านทางพันธุ์อื่น ๆ ได้จึงอาจติดเชื้อ จากพันธุ์ใหม่ได้ เชื้อไข้หวัดใหญ่บางพันธุ์ อาจผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันทำให้เกิดการระบาดใหญ่ และมีการเรียกชื่อโรคที่ระบาดแต่ละครั้งตามชื่อ ของประเทศที่เป็นแหลงต้นกำหนด เช่น ไข้หวัดใหญ่ ฮ่องกง (เรียก สั้น ๆ ว่าไข้หวัด ฮ่องกง หรือหวัดฮ่องกง),ไข้หวัดรัสเซีย, ไข้หวัดสิงคโปร์เป็นต้น

อาการ

มักจะเกิดขึ้นทันที่ทันใดด้วยอาการไข้สูงหนาว ๆ ร้อน ๆ ปวดเมื่อยตามกล้ามเนื้อมาก(โดย เฉพาะที่กระเบนเหน็บ ต้นขา ต้นแขน) ปวดศีรษะ อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร ขมในคอ อาจมีอาการเจ็บคอ คัดจมูก น้ำมูกใส ไอแห้ง ๆ จุกแน่นท้อง แต่บางราย ก็อาจไม่มีอาการคัดจมูก หรือเป็นหวัดเลยก็ได้ มีข้อสังเกตุว่าไข้หวัดใหญ่มักเป็นหวัดน้อย แต่ไข้หวัดน้อยมักเป็นหวัดมาก ไข้มักเป็นอยู่ 2-3 วัน แล้วค่อย ๆ ลดลง อาการไอ และอ่อนเพลียอาจจะเป็นอยู่ อาจเป็นอยู่ 1-4 สัปดาห์ แม้ว่าอาการอื่น ๆ จะทุเลาแล้วก็ตาม บางคนเมื่อหายจากไข้หวัดใหญ่แล้ว อาจมีอาการวิงเวียนเหมือนเมารถเมาเรือ เนื่องจากมีการอักเสบของอวัยวะการทรงตัวในหูชั้นใน ซึ่งมักจะหายเองภายใน 3-5 วัน

สิ่งที่ตรวจพบ

ไข้ 38.5-40ฐC เปลือกตาแดง อาจมีน้ำมูกใส คอแดงเล็กน้อย หรือไม่แดงเลย(ทั้ง ๆ ที่ผู้ป่วยอาจรู้สึก เจ็บคอ) ส่วนมากมักตรวจไม่พบอาการผิดปกติอื่น ๆ

อาการแทรกซ้อน

1. ให้การดูแลปฏิบัติตัวเหมือนเป็ฯไข้หวัด คือนอนพัก มาก ๆ ห้ามตรากตรำงานหนัก ห้อมอาบน้ำเย็น ใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดตัวเวลามีไข้สูง กินอาหารอ่อน(ข้าวต้ำ โจ๊ก) ดื่มน้ำ และน้ำหวาน หรือน้ำผลไม้ มาก ๆ

การรักษา

1. ให้การดูแลฃ และปฏิบัติตัวเหมือนไข้หวัด คือ นอนพักผ่อนมาก ๆ ห้ามตรากตรำงานหนัก ห้ามอาบน้ำเย็น ใช้ผ้าชุบน้ำเช็ตดตัวเวลามีไข้สูง กินอาหารอ่อน (ข้าวต้มโจ๊ก) ดื่มน้ำลแน้ำหวาน หรือน้ำผลไม้มาก ๆ
2. ให้ยารักษาตามอาการ เช่น ยาลดไข้บรรเทาปวด ยาแก้ไอ ยาดแก้หวัด เป็นต้น (ในกรณีเด็กควรหลีกเลี่ยงการใช้แอสไพริน)
3. ยาปฏิชีวนะ ไม่จำเป็นต้องให้ทุกราย เพราะเป็นโรคที่เกิดจากไวรัส จะให้ต่อเมื่อมีภาวะแทรกซ้อนจากเชื้อ แบคทีเรีย เช่น มีน้ำมูกหรือเสลด สีเหลืองหรือเขียว ,ไซนัสอักเสบ หูชั้นกลางอักเสบ หลอดลมอักเสบ เป็นต้น ยาปฏิชีวนะ ที่มีให้เลือกใช้ ได้แก่ เพนวี แอมพิซิลลิน หรือ อีโรโทรมัยซิน
4. ถ้ามีอาการหอบหรือสงสัยปอดอักเสบ โดยเฉพาะถ้าพบในคนสูงอายุ หรือเด็กเล็ก ควรส่งโรงพยาบาลด่วน ถ้าพบว่าปอดอักเสบ
ควรให้ยา ปฏิชีวนะชนิดของเชื้อที่ตรวจพบ

ข้อแนะนำ

1. โรคนี้ถือว่าไม่ใช่โรคที่ร้ายแรง
2. อาการไข้สูง ปวดเมื่อย และไม่มีอาการอื่น ๆ ชัดเจน อาจมีสาเหตุจากโรคอื่น ๆ ในระยะเริ่มแรก ก็ได้ เช่น ไข้รากสาดน้อย ตับอักเสบ จากไวรัส ไข้เลือดออก หัด เป็นต้น จึงควรสังเกตอาการเปลี่ยนแปลงอย่างใกล้ชิด ถ้ามีอาการอื่น ๆ ปรากฎให้เห็นก็ควรให้การรักษา ตามโรคที่สงสัย
ถ้าหากมีอาการไข้นานเกิน 7 วัน มักจะไม่ใช่ไข้หวัดแต่อาจมีสาเหตุจากโรคอื่น เช่น ไข้รากสาดน้อย มาลาเรีย เป็นต้น ผู้ป่วยที่เป็นไข้หวัดใหญ่ มักจะมีไข้ไม่เกิน 7 วัน
3. ไข้หวัด และไข้หวัดใหญ่ บางครั้งอาจมีอาการคล้ายกันมาก แต่ไข้หวัดใหญ๋มักมีไข้สูง และปวดเมื่อยมาก อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ จะแยกกันไม่ออก แต่ก็ให้การดูแลรักษาเหมือน ๆ กัน
4. การป้องกัน ให้ยาปฏิชีวนะเช่นเดียวกับไข้หวัด ส่วนวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ มักจะฉีดในช่วงที่มีการระบาดใหญ่ ซึ่งจะป้องกัน ได้นานประมาณ 12 เดือน ถ้ามีการระบาดในปีต่อ ๆ ไป ก็ต้องฉีดใหม่อีก โดยทั่วไป ถ้าไม่มีการระบาด จะไม่ฉีดวัคซีนให้แก่คนทั่วไป ทั้งนี้เนื่องจากเชื้อไข้หวัดใหญ่ มีอยู่หลายพันธุ์ เราไม่สามารถคาดการณ์ล่วงหน้าได้ว่าในการระบาดครั้งต่อไป จะเกิดจากเชื้อชนิดใด

หลักการเลือกซื้อเนื้อสัตว์

หลักการเลือกซื้อเนื้อสัตว์

เนื้อวัว

เนื้อวัวที่สด จะมีสีแดง สด กดแล้วไม่บุ๋ม ไม่มีน้ำเลือดไหลซึมออกมา ไม่มีสีคล้ำอมเขียว ดมดูไม่มีกลิ่นเหม็นเน่า
ส่วนต่างๆ ของเนื้อวัว มีดังนี้
1. เนื้อที่ติดอยู่กับคอ ( CHUCK ) เหมาะสำหรับทำอาหารอบ สตูว์
2. ซี่โครง (RIB) ใช้ในการอบ ทอด ย่าง
3. เนื้อสัน (SIRLOIN) จะแบ่ง เป็นสันในกับสันนอก เป็นส่วนที่เลยบั้นเอว สันใน เป็นส่วนที่เนื้อนุ่ม ทั้งสันในและสันนอก จะมีราคาแพง เหมาะสำหรับการทอด ย่างอบ ทำสเต๊ก
4. เนื้อสะโพก ( ROUND ) เหมาะที่จะใช้อบ ย่าง ทำเนื้อบด สเต๊ก
5. เนื้อที่สีข้าง (FLANK ) ส่วนนี้จะมีไขมัน เมื่อแล่ออกบ้างแล้วจะเหมาะมนการอบหรือเอามาบด
6. เนื้อพื้นท้อง ( SHORT PLATE ) เหมาะทีสำหรับทำสตูว์ น้ำสต๊อก เนื้อเปื่อย เนื้อตุ๋น
7. เนื้อท่อนขา (FORE SHANK ) เป็นส่วนที่เหนียว เหมาะที่จะสตูว์ น้ำซุป
8. กระดูกวัว เหมาะที่จะนำมาต้มทำน้ำซุป
9. ลิ้นวัว เหมาะที่จะนำมาเคี่ยวทำสตูว์

เนื้อหมู

เนื้อหมูที่ดีจะมีสีชมพูอ่อน นุ่มเป็นมัน เนื้อแน่น
ส่วนต่างๆ ของเนื้อหมู มีดังนี้
1. หัวหมู นำมาต้ม สุก ( ผู้ซื้อส่วนมากซื้อเพื่อไปแก้บนหรือนำไปเซ่นไหว้ ) เมื่อต้มสุกแล้วจิ้มพริกน้ำส้ม
2. เนื้อแดง เป็นเนื้อที่มีเนื้อล้วนๆ ไม่ติดมัน เหมาะที่จะนำมาอบ ผัด ทำพะแนง หรือทอดเหมาะที่จะนำมาทอด หรืออบ
3. สันใน เป็นเนื้อที่ติดกับสันหลัง ลักษณะเนื้อเป็นชิ้นยาวไม่ติดมัน ส่วนนี้จะมีความนุ่มเหมาะที่จะนำมาทอด หรืออบ
4. สามชั้น สามชั้นที่มีหนังและมันบาง เหมาะสำหรับทำหมูย่างชนิดหนังกรอบ หมูหวาน และหมูเบคอน
5. ขาหลัง ใช้ทำขาหมูพะโล้
6. ขาหลัง เลาะกระดูกออก แล้วยัดไส้ หรือทำต้มยำ

โรคความดันโลหิตสูง

โรคความดันโลหิตสูง

คราวนี้ เราหันมาโรคใกล้ตัว คือโรคความดันโลหิตสูงนะครับ ความจริงเรา ๆ ก็คงไม่อยากใกล้โรคกันหรอก แต่มันก็แวะเวียนมาหาจนได้ ตามสังขารและกาลเวลาที่เปลี่ยนไป ยิ่งภาวะปัจจุบันที่สังคมไทยมีความเครียดสูง (หนี้เน่าท่วมหัว) ก็น่าจะมีความเสี่ยงต่อความดันโลหิตสูงมากขึ้นไปอีก ความดันโลหิตคนเรา (ต้อง) มีขึ้นได้เกิดจากหัวใจสูบฉีดเลือดแดงไปเลี้ยงร่างกาย ผ่านระบบท่อนำเลือดแดงจากเส้นใหญ่ ๆ ใกล้หัวใจจนไปถึงปลายสุดคือเส้นเลือดฝอยที่ไปเลี้ยงอวัยวะต่าง ๆ เช่น หัวใจ ไต สมอง ฯลฯ ค่าความดันที่แพทย์บอกให้ทราบทุกครั้งที่ไปตรวจ จะมี 2 ค่าคือค่าแรก (ค่าบน) จะวัดช่วงที่หัวใจบีบตัว, ค่าที่ 2 (ค่าล่าง) จะวัดช่วงหัวใจคลายตัว ซึ่งเรียก ซีสโตลิค และไดแอสโตลิคตามลำดับ ซึ่งค่าปรกติจะอยู่ไม่เกิน 140/90 มิลลิเมตรปรอท

ในอเมริกาพบผู้ป่วยความดันสูงมากกว่า 140/90 นี้ ในผู้ใหญ่ ประมาณ 45% ในคนไทยผมว่า อาจจะน้อยกว่านี้ซักเล็กน้อย หรือใกล้เคียง ยิ่งต่อไป ฝรั่งจะยึดเมืองไทยแล้วคงจะเท่ากันเปี๊ยบเลยหล่ะ (ว่าจะไม่วกเข้าเรื่องชวนเครียดแล้วนะครับ) จะเป็นที่ฟ้าบันดาลหรือเราละเลยก็ไม่ทราบที่ว่า มีผู้ป่วย 20-30 % เท่านั้น ที่รักษาความดันสม่ำเสมอตามแพทย์แนะนำ ที่เหลือนั้นรู้แล้วควบคุมไม่ดเ หรือไม่สนใจรักษาเนื่องจากไม่มีอาการ

ตามจริง โรคความดันโลหิตสูงเป็นโรคที่มีความสำคัญและอันตราย แต่เนื่องจาก ระยะเริ่มแรกจะไม่มีอาการอะไร เมื่อเป็นมากแล้วจึงเริ่มมีอาการ จึงทำให้หลาย ๆ คนไม่ค่อยให้ความสำคัญและสนใจที่จะรักษา

ดังนั้นการที่เราจะทราบสถานะของความดันของเราต้องหมั่นวัดบ่อย ๆ นะครับ ถ้าไม่รู้จะวัดที่ไหน ก็ตรงไปที่ รพ.อุบลรักษ์ฯ เลยนะครับ ยินดีตรวจสอบให้ เมื่อความดันเป็นนาน ๆ หรือมาก ๆ เข้าก็จะเริ่มมีอาการ เช่น ปวดศรีษะ โยเฉพาะตอนตื่นใหม่ ๆ มึนงง สมองไม่โล่ง วิงเวียน คลื่นไส้ อาเจียน เหนื่อยง่าย ถ้าเป็นมากเข้ามีอาการแทรกซ้อเช่น ทางหัวใจ ก็จะมี เส้นเลือดหัวใจตีบฉับพลัน มีเจ็บหน้าอก ช็อค เสียชีวิต หรือหัวใจล้มเหลว หอบเหนื่อย น้ำท่วมปอด อาการทางสมอง เช่น โลหิตสมองแตก หรือตีบทำให้มีอาการตั้งแต่เบาะ ๆ คือวูบ พูดไม่ชัด ชาตามมือเท้า เป็นมาก ๆ เข้าจะถึงขั้นอัมพาต หรือเสียชีวิต, ถ้ามีโรคแทรกซ้อนทางไตก็จะมีอาการ ไตวาย, บวม, หอบ และเสียชีวิตได้ นอกจากนั้น อาการแทรกอื่น ๆ เช่นตาบอด จากเส้นเลือดในตาตีบหรือแตก, ประสาทตาบวม เส้นเลือดที่ขาตีบตัน ฯลฯ จะเห็นได้ว่า ภัยของโรคความดันโลหิตสูง ถือว่ารุนแรงหนักหนาสาหัสพอสมควร ถ้าเกิดภาวะแทรกซ้อนแล้ว การรักษาจะทำได้ไม่มากนัก ถ้าเกิดภาวะแทรกซ้อนแล้ว การรักษาจะทำได้ไม่มากนัก วิธีที่ดีที่สุดคือ การป้องกันโดยการรักษาแต่เนิ่น ๆ ยกเว้นแต่ว่า ตั้งใจจะฆ่าตัวตายนะครับ การที่จะรู้แต่เนิ่น ๆ ก็โดยตรวจความดันเป็นประจำโดยเฉพาะท่านที่มีน้ำหนักตัวเกินมาตรฐาน (ไม่อยากเรียกอ้วนให้กินใจกัน) มีประวัติญาติพี่น้องเป็น มีโรคอื่นอยู่แล้วเช่น เบาหวาน,ไขมันสูง,เก๊าท์ ดื่มสุรา,สูบบุหรี่เป็นประจำ ทำไปเถอะครับไม่เสียหลาย ขนาดรถยนต์ท่านยัง ตรวจ check ตามระยะตามกำหนดแถมทำประกันให้ด้วย เพื่ออะไรละครับ ก็เพื่อดูว่ามีอะไรบกพร่องจะได้ไม่ตายกลางทาง ยิ่งเครื่องบินยิ่งแล้ว ตรวจกันทุกเที่ยวบิน ขนาดนั้นก็ตกกันได้ ชีวิตเราสำคัญกว่า รถยนต์แยะครับ (เพราะถ้าท่านเป็นอะไรไป ก็ขับรถไม่ได้ดี)

การวินิจฉัยความดันสูง ต้องวินิจฉัยให้แน่นอนว่าสูงจริงหรือไม่ โดยการตรวจหลาย ๆ ครั้ง อาจจะถึง 3-4 ครั้ง แล้วเอาค่าเฉลี่ยว่ามากกว่า 140/90 หรือไม่ต้องตรวจสอบว่ามีโรคอื่นร่วมด้วยหรือไม่เพื่อพิจารณา – แนวทางและชนิดยาที่จะใช้ ,ต้องตรวจสอบว่ามีโรคแทรกซ้อนแล้วหรือยัง ส่วนใหญ่จะเน้นหัวใจ ไต สมอง เป็นหลัก การรักษาอันดับแรก ถ้าอ้วนต้องลดน้ำหนัก กินอาหารอ่อนเค็ม ไขมันต่ำ ออกกำลังกายพอสมควร งดเหล้า บุหรี่ หลีกเลี่ยงความเครียด, อดนอน ถ้าความดันยังไม่ลดลงตามเกณฑ์แพทย์ก็จะพิจารณา ให้ยาลดความดัน ซึ่งยาลดความดันมีหลายชนิดเพื่อเหมาะสมกับความรุนแรง, ระยะเวลา, อายุ หรือโรคที่เป็นร่วมกับความดันโลหิตสูง เช่น คนหนุ่มกับคนสูงอายุ, ความดันสูงเฉย ๆ กับความดันร่วมกับเบาหวาน โรคไต โรคเก๊าท์ นอกจากเลือกยาด้วยสาเหตุผลดังกล่าวแล้ว ยาลดความดันที่ดี ควรจะมีคุณสมบัติดังนี้ (เพราะโรคความดันเป็นโรคไม่หายขาดอาจจะต้องกินเวลาตลอดชีวิต)

1.ราคาไม่แพง (ถ้าถูกได้ก็ดี แต่ของดีราคาถูกมีน้อยจริง ๆ ครับ)
2.อาการข้างเคียงน้อยไม่ใช่กินแล้วเพลีย, วิงเวียน, ง่วง
3.กินวันละน้อย ๆ ครั้ง เพราะต้องกินนาน และคนไข้บางคนต้องกินยาหลายตัว จะได้กินง่าย ไม่ลืม และไม่ขี้เกียจกิน เช่น วันละ ครั้ง หรืออย่างมาก เช้า + เย็น เป็นต้น
4.มีผลเสริมอื่นๆเช่น ลดหัวใจ, รักษาหน้าที่ไต ป้องกันเส้นเลือดหน้าตัว
5.ไม่เกิดปฏิกิริยา เมื่อกินกับยาตัวอื่น เช่นยาเบาหวาน, ยาลดไขมัน ยาหัวใจ, ฯลฯ

จะเห็นได้ว่า โรคความดันโลหิตสูงเป็นโรคเรื้อรัง และสำคัญต่อชีวิตเป็นอย่างมาก ราละเอียดค่อนข้างจะซับซ้อน แต่อ่านแล้วไม่ต้องเครียดนะครับ ขอเพียงแต่ท่านหมั่นตรวจสอบ ไปตามหมอนัดทุกครั้งและปฏิบัติตัวตามที่แนะนำ หนักก็จะกลายเป็นเบาครับ หาหมอที่ถูกชะตาและไว้ใจกันซักคน (อายุรแพทย์) ไม่ต้องเปลี่ยนหมอบ่อย ๆ ยกเว้นขัดใจจริง ๆ เพราะการเปลี่ยนหมอจะทำให้การรักษาไม่ต่อเนื่อง เนื่องจากอาจจะต้องปรับเปลี่ยนยา เพิ่มลดตามความเหมาะสม ที่สำคัญอย่าเครียดนะครับ ยิ่งยุคฝรั่งยึดเมืองแบบนี้ก็ต้องทำใจ ให้เห็นอนิจจังนะครับ มีข้นก็ต้องมีลงทุกอย่างเปลี่ยนไปตามธรรมชาติ และกาลเวลาเราต้องปรับตัวให้เข้ากับมัน ถึงจะอยู่ได้แบบดี ๆ (คือไม่บ้านั่นเอง)

โรคพิษสุนัขบ้า

โรคพิษสุนัขบ้า

โรคพิษสุนัขบ้าเป็นโรคที่รุนแรง ถ้าเป็นแล้วคือ รับเชื้อแล้วมีอาการ โอกาสรอดแทบไม่มี (ยังไม่มีรายงานว่ามีผู้ป่วยรอดชีวิต ) โรคนี้เกิดจากไวรัสพิษสุนัขบ้า หรือ Rabies Virus ( ชื่อจริงคือ Rhabdo Virus ) เกิดโรคเฉพาะในสัตว์เลือดอุ่นที่เลี้ยงลูกด้วยนม พบมากในเขตร้อน คนส่วนใหญ่ติดเชื้อจากสุนัขมากที่สุดนอกจากนั้นมี แมว ค้างคาว เป็นต้น เมื่อโดนกัดเชื้อสุนัขบ้า ในน้ำลายของสุนัขที่เป็นโรค จะเข้าสู่แผล แบ่งตัวและกระจายตามเส้นประสาท เข้าสู่ระบบประสาทส่วนกลาง คือ สมองและไขสันหลัง ดังนั้นการปฐมพยาบาลเบื้องต้นสำคัญมาก คือ การทำความสะอาดแผลให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ คือ ล้างแผลด้วยน้ำสบู่ให้สะอาด แล้วรีบปรึกษาแพทย์

การที่คนจะติดเชื้อและเกิดโรคได้นั้น ขึ้นกับปริมาณเชื้อในน้ำลายสุนัข ความลึก ความฉกรรจ์ของบาดแผล ใกล้หรือไกลจากสมอง ดังนั้น โดนกัดที่ใบหน้า หัวไหล่ จะมีโอกาสติดเชื้อรุนแรงกว่าโดนกัดที่เท้า เป็นต้น เมื่อเชื้อเข้าสู่สมองได้แล้ว ก็จะทำให้เซลล์สมองอักเสบอย่างรุนแรง, บวม สุดท้ายเซลล์สมองตาย ชีวิตก็อยู่ไม่ได้

อาการของโรคพิษสุนัขบ้าในคน มักเริ่มด้วย ปวดศีรษะ, สับสน อารมณ์เปลี่ยนแปลง กลัว, ระแวง ตอบสนองต่อสิ่งกระตุ้นรอบตัวมากกว่าปกติ เช่น เสียงดังๆ, สัมผัส, ลมพัด การเอามือโบกใกล้ๆ ตัวจะสะดุ้ง อาจจะมีความเสียว มึน ชา เจ็บบริเวณแผลที่โดนกัด ( ซึ่งมักจะเริ่มหายแล้ว ) อาการที่สำคัญอีกอย่าง คือ อาการกลืนของเหลวลำบาก เวลากลืนจะเจ็บมาก เพราะกล้ามเนื้อลำคอจะเกร็งตัวและเจ็บไม่เฉพาะกล้ามเนื้อคอเท่านั้น กล้ามเนื้อกระดูกซี่โครง กล้ามเนื้อกระบังลมจะเกร็งด้วย ทำให้ดื่มน้ำแล้วทรมาน และเจ็บมาก ทั้งที่อยากดื่มแต่ดื่มไม่ได้และแสดงความกลัวต่อการดื่มน้ำ จึงเป็นที่มาของคำว่า “ โรคกลัวน้ำ ” ถ้าโรคเป็นมากจะสับสนมากขึ้น ซึม ไม่รู้สึกตัว ( COMA ) และเสียชีวิตเพราะกล้ามเนื้อหายใจเป็นอัมพาต สมองบวมมากระยะเวลาจากเริ่มมีอาการจนเสียชีวิต เฉลี่ยประมาณ 1 สัปดาห์ ส่วนระยะฟักตัว คือ ตั้งแต่โดนกัด จนถึงมีอาการส่วนใหญ่ใช้เวลา 1 – 3 เดือน เร็วกว่านั้นก็ได้ หรือนานกว่านี้ก็มี แต่น้อย บางคนนานเป็นปีค่อยมีอาการ ก็มีนะครับเพราะว่า โรคนี้เป็นแล้วรักษาไม่ได้ จึงจำเป็นจะต้องป้องกันไม่ให้มีการรับเชื้อเกิดขึ้น คือ พยายามไม่ให้โดนสุนัข ( สัตว์ ) กัด หรือถ้าโดนกัดแล้ว ก็ต้องป้องกันโดยเซรุ่ม และ /
หรือวัคซีน

การป้องกันหรือลดความเสี่ยงในการสัมผัสโรค

- ฉีดวัคซีนกันโรคพิษสุนัขบ้า ให้สัตว์เลี้ยง เช่น สุนัข หรือแมว โดยฉีดปีละ 2 ครั้ง

- ป้องกันสัตว์เลี้ยงไม่ให้โดนกัด เช่น มีอาณาบริเวณที่เป็นรั้วรอบขอบชิด

- ถ้าสัตว์เลี้ยงเราโดนกัด หรือป่วยต้องสังเกตอาการว่าจะเข้าข่ายติดเชื้อสุนัขบ้าหรือไม่ ถ้าไม่แน่ใจปรึกษาสัตวแพทย์

เทศบาล

- อาชีพที่เสี่ยงต่อการโดนสัตว์กัด เช่น สัตวแพทย์บุรุษไปรษณีย์ ควรได้วัคซีนเพื่อป้องกัน

สัมผัสโรค ( รวมถึงคนที่จะไปจีบสาวบ้านที่มีสุนัขดุด้วย

เมื่อโดนสัตว์กัดแล้ว

- ทำความสะอาดแผลทันทีด้วยน้ำสบู่ จนสะอาด

- ปรึกษาแพทย์ทันที เพื่อพิจารณาว่าควรให้การป้องกัน ด้วยเซรุ่ม และ / หรือวัคซีนหรือไม่ ส่วนการจะฉีด อะไร ฉีดกี่เข็ม ฉีดบาดทะยักด้วยหรือไม่ แพทย์จะเป็นคนวินิจฉัยเองนะครับ

- ถ้าทำได้ ให้สังเกตอาการสัตว์ 10 วันเพราะถ้าสัตว์ติดเชื้อพิษสุนัขบ้า มักเสียชีวิตภายใน 10 วัน

- ถ้าทำได้ เพื่อพิสูจน์ว่าสัตว์ติดเชื้อพิษสุนัขบ้าหรือไม่ คือ การส่งสมองสัตว์พิสูจน์ ซึ่งอาจจะทำไม่ ได้ทุกราย ก็ หวังว่าพอจะช่วยอุ่นใจในระดับหนึ่งนะครับ เกี่ยวกับโรคพิษสุนัขบ้า แต่สำหรับโรคบ้าอื่นๆ ก็ต้องมีวิธีแก้กันไปคนละแบบนะครับ ยิ่งร้อนนี้ ร้อนจริงๆ ดูบรรยากาศรอบๆ ตัวทั้งเรื่องเศรษฐกิจ การเมือง ผมว่ามันก็น่าบ้าเหมือนกันนะครับ ก็คงต้องอาศัยการตั้งสมาธิ ปล่อยวางเตรียมใจยอมรับเผื่อแผ่แบ่งปันให้ผู้อื่นบ้าง กินอยู่อย่างพอดี

โรคผมร่วง

โรคผมร่วง ผมร่วง (Alopecia)

ผมร่วง (Alopecia)

สาเหตุของผมร่วง มีหลายอย่างมาก ที่พบบ่อย ๆ เช่น
1. ผมร่วงเป็นหย่อม (Alopecia areate) ซึ่งจะ ร่วง เป็นวงกลม ๆ คล้ายเหรียญบาทหรือใหญ่กว่า
2. ผมร่วงหลังคลอด หรือไข้สูง (Telogen effluvin) พวกนี้ผมจะร่วงวันละเป็นร้อย ๆ เส้น เวลาจูงผมจะติดมือออกมาเลย

ทั้ง 1 + 2 อาจจะหายเองได้ ดังนั้น จะมีคนไข้บางคนเข้าใจผิดว่า ใช้ ยาทา ตัวนั้น ตัวนี้ แล้วทำให้ผมขึ้นได้ (ซึ่งจริง ๆ แล้วผมมันขึ้นเอง)

สาเหตุ

ของผมร่วมที่พบบ่อยอีกอย่างคือ ผมร่วงจาก กรรมพันธุ์ (Androgenetic alopecia) พวกนี้ จะ ถ่ายทอดทางกรรมพันธุ์ แต่จะไม่เกิดกับลูกหลานทุกคน (จะเป็นแต่บางคน) ผมร่วงลักษณะนี้เป็นได้ทั้งหญิงและชาย ผู้หญิงจะร่วงบริเวณ กลางกระหม่อม ส่วนผู้ชาย จะร่วงบริเวณกลางกระหม่อมด้านหน้า (หัวเถิก)

การรักษา

ผมร่วงจากกรรมพันธุ์ แบบเดิม ๆ ก็คือการใช้ยา Minoxidil กินและทา

การทาจะได้ผลเพียง 30% ส่วนการกินจะได้ผล 90% แต่ ข้อเสีย ของการทานยา คือเวลาหยุดยาแล้วผมจะร่วงเหมือนเดิมและการทาน ยานาน ๆ (6 เดือนขึ้นไป) จะมีอาการดื้อยา ผมจะร่วงได้ ทั้งๆ ที่รับประทานยาอยู่
ขณะนี้มี ยา ตัวใหม่ ชื่อ Finasteride ซึ่งจะไปยับยั้ง enzyme ทำให้การผลิต Hormone เพศชาย Dilaydrotestosterone (DHT) ลดลง ซึ่งคิดกันว่าตัว DHT นี้แหละเป็นสาเหตุของการทำให้ผู้ชายผมร่วง ถ้ามีมากเกินไป (ซึ่งผู้ชายที่ผมร่วงจากกรรมพันธุ์มักจะพบ Hormone DHT สูงกว่าปกติ)
ข้อเสียของยาตัวนี้ก็คือ
1. ห้ามใช้ในผู้หญิง
2. อาจทำให้ความรู้สึกทางเพศลดลงได้
3. เวลาหยุดยา อาจทำให้ผมร่วง เหมือนยา Minoxidil ได้

สุดท้ายถ้าการกินยา และทายาไม่ได้ผล ก็ต้องทำศัลยกรรม โดยแพทย์ศัลยกรรมตกแต่ง ซึ่งจะย้ายเส้นผมมาปลูกเป็นเส้น ๆ เลย ได้ผลดีทีเดียว แต่ค่าใช้จ่ายก็สูงพอสมควร ส่วนการ ถักทอเส้นผม ที่บางเต็มนั้น เทียบแล้ว เหมือนการใส่วิกนั่นแหละ การฝังเข็ม และ ผลิตภัณฑ์จากรกแกะ ไม่น่าได้ผล

ไขมันในเลือด

ไขมันในเลือดสูง

ปกติไขมันถือเป็นสารอาหารที่จำเป็นอย่างหนึ่งของคนเรา ไขมันบางประเภทยังให้กรดไขมันจำเป็นที่ร่างกายขาดไม่ได้ ไขมันเป็นตัวช่วยดูดซึมวิตามินที่ละลายในไขมัน ได้แก่ วิตามินเอ ดี อี และเค แต่ถ้าหากรับประทานอาหารที่มีไขมันมากไป ก็จะทำให้มีผลเสียเกิดขึ้นได้จากไขมัน ในเลือดสูง เพราะไขมันอาจจะไปตกตะกอนในหลอดเลือดแดง โดยเฉพาะหลอดเลือดเลี้ยงหัวใจ อาจทำให้ตีบตันได้

ปกติไขมันในเลือดคนเราที่สำคัญมี 4 ชนิด แต่ที่จะกล่าวถึงคือ โคเลสเตอรอลและไตรกลี เซอไรด์ ซึ่งมีความสำคัญต่อโรคหัวใจขาดเลือด ไขมันทั้ง 2 ชนิดนี้ ถ้ามีปริมาณสูงในเลือดจะมีส่วนที่ทำให้เกิดความผิดปกติที่หลอดเลือดแดง ในลักษณะที่เรียกว่า หลอดเลือดแดงแข็ง ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของโรคหัวใจจากหลอดเลือดหัวใจตีบตัน และทำให้เกิดภาวะหัวใจขาดเลือดได้ และยิ่งค่าของโคเลสเตอรอลและไตรกลีเซอไรด์สูงมากขึ้นเท่าใด อัตราเสี่ยงการเกิดโรคหัวใจดังกล่าว จะสูงขึ้นไปเท่านั้น

การที่จะทราบว่าใครมีไขมันในเลือดสูง จะต้องเจาะเลือดไปตรวจ โดยท่านต้องงดอาหารทุกชนิดก่อนการเจาะเลือด 12 ชั่วโมง ควรเจาะดูทั้งโคเลสเตอรอลและไตรกลีเซอไรด์ จึงจะนำมาวิเคราะห์ได้เพื่อวางแผนลดไขมันทั้ง 2 ชนิดได้ดี ค่าปกติของโคเลสเตอรอลไม่เกิน 200 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร และไตรกลีเซอไรด์ ไม่เกิน 150 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร

สำหรับหลักการป้องกันและบำบัดภาวะไขมันในเลือดสูง ได้แก่การจำกัดรับประทานไขมัน รู้จักวิธีเลือกน้ำมันที่จะใช้ในการปรุงอาหาร การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ การรักษาน้ำหนักตัวไม่ให้อ้วนและงดการสูบบุหรี่

การปรุงอาหารด้วยวิธีอบ นึ่ง และ ปิ้ง ช่วยลดปริมาณไขมันที่บริโภคได้ถึง 50-80 % เลยทีเดียว ถ้าต้องใช้น้ำมันควรเป็นน้ำมันพืชซึ่งเป็นไขมันชนิดไม่อิ่มตัวดีกว่าที่จะใช้ไขมันชนิดอิ่มตัว หรือบางท่านเรียกว่าไขมันผู้ร้ายซึ่งได้จากน้ำมันสัตว์ อาหารประเภทนมระเหย เช่น น้ำมันมะพร้าว น้ำมันปาล์ม

เมื่อไขมันในเลือดสูง

ระดับของไขมันในเลือดจะสูงเมื่อบริโภคอาหารเกินความต้องการของร่างกาย เพราะอาหารทุกชนิดคือ แป้ง เนื้อสัตว์ หรือไขมัน เมื่อบริโภคเกินความต้องการร่างกายก็จะเปลี่ยนเป็นไขมันสะสมไว้ทันที

ตัวท่านเองนี่แหละ ที่จะมีส่วนทำให้ไขมันในเลือดลดลงได้โดยที่จะต้องมีความตั้งใจและมุ่งมั่นว่าต้องทำให้ได้ ถ้าท่านเป็นคนรับประทานจุ ก็ต้องรู้จักประมาณตนเอง อาหารที่รับประทานควรมีคุณค่าทางโภชนาการ อาหารที่ควรงดได้แก่ อาหารที่ไขมันมากพวกเครื่องในต่างๆ ไข่แดง สัตว์ที่มีกระดอง พวกที่รสหวานจัด น้ำอัดลม ขนมหวาน ถ้าท่านมีงานสังสรรค์บ่อย รับประทานอาหารตามภัตตาคาร ซึ่งมักจะเป็นอาหารที่มีไขมันสูง ท่านต้องพยายามหลีกเลี่ยง

การเลือกบริโภคไขมันมีความสำคัญมากคือ การเกิดโรคหัวใจจากหลอดเลือดหัวใจตีบตัน ท่านควรเลือกบริโภคไขมันจากพืช ยกเว้นกะทิและน้ำมันปาล์มนะคะ ที่ท่านไม่ควรบริโภคหากท่านมีไขมันในเลือดสูง ท่านควรละเว้นการบริโภคไขมันจากสัตว์ แต่ยกเว้นไขมันจากปลานะคะ ที่ท่านสามารถบริโภคได้ สรุปแล้วก็คือไขมันที่ท่านควรเลือกบริโภคคือไขมันชนิดไม่อิ่มตัว เห็นได้จากไม่เป็นไขเวลาใส่ไว้ในตู้เย็น

การเลือกบริโภคอาหารที่ถูกต้อง นอกจากจะช่วยป้องกันโรคหัวใจแล้ว ยังช่วยป้องกันโรคมะเร็งอีกด้วย ประเทศไทยเป็นประเทศที่อุดมสมบูรณ์ด้วยพืชผักผลไม้ จึงสมควรที่จะหาประโยชน์จากการเลือกบริโภคอาหารที่ให้คุณค่าราคาถูกอย่างถูกวิธี โดยสรุปได้ดังนี้ คือ

1. รับประทานผักใบเขียว ผลไม้สีแดง และสีส้มเป็นประจำ เช่น ผักตำลึง มะละกอสุก
2. รับประทานไขมันอิ่มตัว พวกเนย เนยเทียม แต่น้อย
3. ใช้ไขมันไม่อิ่มตัวปรุงอาหาร เช่น น้ำมันถั่วเหลือง
4. รับประทานเมล็ดธัญญพืช เช่น ข้าวซ้อมมือ ถั่ว เป็นต้น

หวังว่าไขมันในเส้นเลือดที่สูงของท่านคงจะลดลงมาได้ โดยไม่ต้องอาศัยยารักษาแล้วท่านจะปลอดภัยจากโรคหัวใจตลอดไป

ข้อมูลสุขภาพที่เกี่ยวข้อง

-Cholesterol - Triglycerides and Healthy Heart
-กรดไขมันในอาหารมีผลต่อระดับคอเลสเตอรอลในเลือด
-ภาวะไขมันในเลือดสูง
-อาหารผู้ป่วยไขมันในเลือดสูง


โรคไต

โรคไต


โรคไต หมายถึง โรคอะไรก็ได้ที่มีความผิดปกติหรือที่เรียกว่า พยาธิสภาพ เกิดที่บริเวณไต ที่พบมาก ได้แก่

• โรคไตวายฉับพลันจากเหตุต่างๆ
• โรคไตวายเรื้อรังเกิดตามหลังโรคเบาหวาน โรคไตอักเสบ หรือโรคความดันโลหิตสูง
• โรคไตอักเสบเนโฟรติก
• โรคไตอักเสบจากภาวะภูมิคุ้มกันสับสน (โรค เอส.แอล.อี.)
• โรคติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะ
• โรคถุงน้ำที่ไต (Polycystic Kidney Disease)

อาการ

• ปัสสาวะเป็นเลือด ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นโรคไต แต่ก็อาจจะไม่ใช่ก็ได้ โดยจะปัสสาวะเป็นเลือด อาจเป็นเลือดสดๆ เลือดเป็นลิ่มๆ
• ปัสสาวะเป็นสีแดง สีน้ำล้างเนื้อ สีชาแก่ๆ หรือปัสสาวะเป็นสีเหลืองเข้ม ก็ได้
• ปัสสาวะเป็นฟองมาก เพราะมี albumin หรือโปรตีนออกมามาก จะทำให้ปัสสาวะมีฟองขาวๆ เหมือนฟองสบู่
• การมีปัสสาวะเป็นเลือด พร้อมกับมีไข่ขาว-โปรตีนออกมาในปัสสาวะพร้อมๆ กัน เป็นข้อสันนิฐาน ที่มีน้ำหนักมากว่าจะเป็นโรคไต
• ปัสสาวะขุ่น อาจเกิดจากมี เม็ดเลือดแดง (ปัสสาวะเป็นเลือด) เม็ดเลือดขาว (มีการอักเสบ) มีเชื้อแบคทีเรีย (แสดงว่ามีการติดเชื้อ) หรืออาจเกิดจากสิ่งที่ร่างกายขับออกจากไต แต่ละลายได้ไม่ดี เช่น พวกผลึกคริสตัลต่างๆ เป็นต้น
• การผิดปกติของการถ่ายปัสสาวะ เช่นการถ่ายปัสสาวะบ่อย ปัสสาวะแสบ ปัสสาวะราด เบ่งปัสสาวะ อาการเหล่านี้ ล้วนเป็นอาการผิดปกติ ของระบบทางเดินปัสสาวะ เช่นกระเพาะปัสสาวะ ต่อมลูกหมาก และท่อทางเดินปัสสาวะ
• การปวดท้องอย่างรุนแรง (colicky pain) ร่วมกับการมีปัสสาวะเป็นเลือด ปัสสาวะขุ่น หรือมีกรวดทราย แสดงว่าเป็นนิ่วในไต และทางเดินปัสสาวะ
• การมีก้อนบริเวณไต หรือบริเวณบั้นเอวทั้ง 2 ข้าง อาจเป็นโรคไต เป็นถุงน้ำการอุดตันของไต หรือเนื้องอกของไต
• การปวดหลัง ในกรณีที่เป็นกรวยไตอักเสบ จะมีอาการไข้หนาวสั่น และปวดหลังบริเวณไต คือ บริเวณสันหลังใต้ซี่โครงซีกสุดท้าย
• อาการบวม โดยเฉพาะการบวมที่บริเวณ หนังตาในตอนเช้า หรือหน้าบวม ซึ่งถ้าเป็นมาก จะมีอาการบวมทั่วตัว อาจเกิดได้ในโรคไตหลายชนิด แต่ที่พบได้บ่อย โรคไตอักเสบชนิดเนฟโฟรติค ซินโดรม (Nephrotic Syndrome)
• ความดันโลหิตสูง เนื่องจากไตสร้างสารควบคุมความดันโลหิต ประกอบกับไต มีหน้าที่รักษาสมดุลของน้ำ และเกลือแร่ในร่างกาย เพราะฉะนั้นความดันโลหิต สูงอาจเป็นจากโรคไตโดยตรง หรือในระยะไตวายมากๆ ความดันโลหิตก็จะสูง ได้
• ซีดหรือโลหิตจาง เช่นเดียวกับความดันโลหิตสูง สาเหตุของโลหิตจางมีได้ หลายชนิด แต่สาเหตุที่เกี่ยวกับโรคไตก็คือ โรคไตวายเรื้อรัง (Chronic renal failure) เนื่องจากปกติ ไตจะสร้างสารอีริโธรโปอีติน (Erythopoietin) เพื่อไปกระตุ้นให้ไขกระดูก สร้างเม็ดเลือดแดง เมื่อเกิดไตวายเรื้อรัง ไตจะไม่สามารถสร้างสารอีริโธรโปอีติน (Erythopoietin) ไปกระตุ้นไขกระดูก ทำให้ซีด หรือโลหิตจาง มีอาการอ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย หน้ามืด เป็นลมบ่อยๆ
อย่างไรก็ตาม ควรต้องไปพบแพทย์ ทำการซักประวัติ ตรวจร่างกาย และตรวจทางห้องปฏิบัติการ เช่น ตรวจปัสสาวะ ตรวจเลือด เอ็กซ์เรย์ จึงจะพอบอกได้แน่นอนขึ้น ว่าเป็นโรคไตหรือไม่

สาเหตุ

• เป็นมาแต่กำเนิด (Congenital) เช่นมีไตข้างเดียว หรือไตมีขนาดไม่เท่ากัน โรคไตเป็นถุงน้ำ (Polycystic kidney disease) ซึ่งเป็น กรรมพันธุ์ด้วย เป็นต้น
• เกิดจากการอักเสบ (Inflammation) เช่นโรคของกลุ่มเลือดฝอยของไตอักเสบ (glomerulonephritis)
• เกิดจากการติดเชื้อ (Infection) เกิดจากเชื้อแบคทีเรียเป็นส่วนใหญ่ เช่นกรวยไตอักเสบ ไตเป็นหนอง กระเพาะปัสสาวะอักเสบ (จากเชื้อ โรค) เป็นต้น
• เกิดจากการอุดตัน (Obstruction) เช่นจากนิ่ว ต่อมลูกหมากโต มะเร็งมดลูกไปกดท่อไต เป็นต้น
• เนื้องอกของไต ซึ่งมีได้หลายชนิด


คำแนะนำ

1. กินอาหารโปรตีนต่ำ หรืออาหารโปรตีนต่ำมาก ร่วมกับกรดอะมิโนจำเป็น
โดยกินอาหารที่มีโปรตีนคุณภาพสูง ซึ่งหมายถึงโปรตีน ที่ได้จากเนื้อสัตว์ทุกชนิด จำนวน 0.6 กรัม ของโปรตีน / น้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม / วัน โดยไม่ต้องให้กรดอะมิโนจำเป็น หรือกรดคีโต (Keto Acid) เสริม เพราะอาหารโปรตีนในขนาดดังกล่าวข้างต้น ให้กรดอะมิโนจำเป็นในปริมาณที่พอเพียง กับความต้องการของร่างกายอยู่แล้ว

ตัวอย่างเช่น ผู้ป่วยซึ่งมีน้ำหนักตัวเฉลี่ย ประมาณ 50-60 กิโลกรัม ควรกินอาหาร ที่มีปริมาณโปรตีนสูงประมาณ 30-60 กรัม / วัน อาจจำกัดอาหารโปรตีน เพื่อชะลอการเสื่อมหน้าที่ ของไตได้อีกวิธีหนึ่ง โดยให้ผู้ป่วยกินอาหารโปรตีนต่ำมาก (0.4 กรัม / น้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม / วัน) ร่วมกับกรดอะมิโนจำเป็น หรืออนุพันธ์คีโต (Keto Analog) ของกรดอะมิโนจำเป็น ในกรณีผู้ป่วยมีน้ำหนักเฉลี่ย 50-60 กิโลกรัม ควรกินโปรตีนประมาณ 20-25 กรัม / วัน เสริมด้วยกรดอะมิโนจำเป็น หรืออนุพันธ์ครีโตของกรดอะมิโนจำเป็น 10-12 กรัม / วัน

2. กินอาหารที่มีโคเลสเตอรอลต่ำ โดยผู้ป่วยที่เป็นโรคไตวายเรื้อรัง ควรควบคุมปริมาณโคเลสเตอรอล ในอาหารแต่ละวันไม่ให้เกิน 300 มิลลิกรัม / วัน ด้วยการจำกัดอาหาร ที่มีโคเลสเตอรอลมาก เช่น ไข่แดง เครื่องในสัตว์ทุกชนิด และนม เป็นต้น

3. งดกินอาหารที่มีฟอสเฟตสูง ฟอสเฟตมักพบในอาหารที่มีโปรตีนสูง เช่น เนื้อสัตว์ ไข่แดง นม และเมล็ดพืชต่างๆ เช่น ถั่วลิสง เม็ดทานตะวัน เม็ดมะม่วงหิมพานต์ เมล็ดอัลมอนด์ ควรหลีกเลี่ยงอาหารดังกล่าว พบว่าอาหารที่มีฟอสเฟตสูง จะเร่งการเสื่อมของโรคไตวายเรื้อรัง ให้รุนแรงมากขึ้น และมีความรุนแรงของ การมีโปรตีนรั่วทางปัสสาวะมากขึ้น นอกเหนือจากผลเสีย ต่อระบบกระดูกดังกล่าว

4. ผู้ป่วยโรคไตวายเรื้อรังที่ไม่มีอาการบวม การกินเกลือในปริมาณไม่มากนัก โดยไม่ต้องถึงกับงดเกลือโดยสิ้นเชิง แต่ไม่ควรกินเกลือเพื่อการปรุงรสเพิ่ม ผู้ป่วยที่มีอาการบวมร่วมด้วย ควรจำกัดปริมาณเกลือที่กินต่อวันให้น้อยกว่า 3 กรัมของน้ำหนักเกลือแกง (เกลือโซเดียมคลอไรด์) ต่อวัน ซึ่งทำได้โดยกินอาหารที่มีรสชาติจืด งดอาหารที่มีปริมาณเกลือมาก ได้แก่ เนื้อสัตว์ทำเค็ม หรือหวานเค็ม เช่น เนื้อเค็ม ปลาแห้ง กุ้งแห้ง รวมถึงหมูแฮม หมูเบคอน ไส้กรอก ปลาริวกิว หมูสวรรค์ หมูหยอง หมูแผ่น ปลาส้ม ปลาเจ่า เต้าเจี้ยว งดอาหารบรรจุกระป๋อง เช่น ปลากระป๋อง เนื้อกระป๋องข้างต้น

5. ผู้ป่วยโรคไตวายเรื้อรังที่มีน้ำหนักเกิน น้ำหนักจริงที่ควรเป็น (Ideal Weight for Height) ในคนปกติ ควรจำกัดปริมาณแคลอรี ให้พอเพียงในแต่ละวันเท่านั้น คือ ประมาณ 30-35 กิโลแคลอรี / น้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม / วัน

หมูปิ้ง-น้ำจิ้มงา



หมูปิ้ง-น้ำจิ้มงา

ส่วนผสม
เนื้อหมู 1/2 กิโลกรัม
น้ำปลา 2 ช้อนชา
น้ำตาลทราย 3 ช้อนโต๊ะ
ซีอิ๊วขาว 1 ช้อนโต๊ะ
แม๊กกี้ 2 ช้อนชา
เกลือป่น www.horapa.com
1 ช้อนชา
น้ำมันพืช 2 ช้อนโต๊ะ
หัวกะทิ 1/4 ถ้วย
พริกไทยเม็ด 2 ช้อนโต๊ะ
รากผักชี 1 1/2 ช้อนโต๊ะ
กระเทียมปอก หั่นหยาบๆ 1 1/2 ช้อนโต๊ะ
น้ำส้มสายชู 1/2 ช้อนชา
น้ำมันงา 1/4 ถ้วย

วิธีทำ
1. หั่นหมูให้เป็นชิ้นหนาพอสมควร
2. นำเครื่องที่โขลกแล้ว (พริกไทยเม็ด รากผักชี และกระเทียม) ผสมกับส่วนผสมอื่นๆ รวมกัน ใส่หมูลงเคล้า หมักไว้ประมาณ 2 ชั่วโมง
3. เมื่อหมูได้ที่แล้วนำไปเสียบไม้ นำไปปิ้งโดยใช้น้ำมันงาพรมตลอดจนกระทั่งสุก
4. จัดใส่จานเสิร์ฟกับน้ำจิ้ม
ส่วนผสมน้ำจิ้ม

หอมแดงเผา 1/4 ถ้วย
กระเทียมเผา 3 ช้อนโต๊ะ
พริกชี้ฟ้าเผา 10 เม็ด
น้ำปลา 1/4 ถ้วย
น้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำมะนาว 3 ช้อนโต๊ะ
งาคั่ว 2 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำน้ำจิ้ม
1. โขลกหอมแดงเผา กระเทียมเผา พริกชี้ฟ้าเผาและงาคั่วให้ละเอียด
2. ปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำตาลทรายและน้ำมะนาว ชิมรสตามชอบ

ยำผลไม้



ยำผลไม้

ส่วนผสม
- ชมพู่ 1/4 ถ้วย
- มะเฟือง 1/4 ถ้วย
- มะละกอ 1/4 ถ้วย
- สตรอเบอร์รี่ 1/4 ถ้วย
- ส้มเขียวหวาน 1/4 ถ้วย
- ฝรั่ง 1/4 ถ้วย
- น้ำตาลปี๊บ 2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ
- น้ำมะขาม 1 ช้อนโต๊ะ
- กุ้งแห้งป่น 1 ช้อนโต๊ะ
- พริกป่น 1 ช้อนชา


วิธีทำ
นำผลไม้ทุกอย่างมาปอกเปลือก หั่นเป็นชิ้น
ทำน้ำราด ผสมน้ำตาลปี๊บ น้ำปลา น้ำมะขาม เคี่ยวให้เหนียวแล้วใส่พริกป่นและกุ้งแห้งลงไป ใช้ราดผ
ลไม้

ไก่ผัดขิงเห็ดหูหนู



ไก่ผัดขิงเห็ดหูหนู

ส่วนผสม
อกไก่ 2 ชิ้นหั่น 1 ถ้วยตวง
ตับ กึ๋น หัวใจ หั่น 1 ถ้วยตวง
ขิงอ่อนหั่นฝอย 3 ถ้วยตวง
เห็ดหูหนูแช่น้ำแล้ว 2 ถ้วยตวง
เต้าเจี้ยวขาว 1/2 ถ้วยตวง
น้ำตาลปี๊บ 2 ช้อนโต๊ะ
ซีอิ๊วขาว 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำส้มสายชู 1 ช้อนโต๊ะ
พริกแดง พริกเหลืองหั่น 1/4 ถ้วยตวง
หัวหอมทุบสับ 1 ช้อนโต๊ะ
กระเทียมสับ 1 ช้อนชา
น้ำมันพืช 1/4 ถ้วยตวง
วิธีทำ
1. เครื่องในไก่ หั่นเป็นชิ้น สำหรับกึ๋นหั่นเป็นชิ้น แล้วใช้ปลายมีดหั่นจักให้เป็นริ้วๆคล้ายหงอนไก่ เวลาผัดจะสวย ตรงไส้ขูดเอาเมือกออกให้หมด
2. เห็ดหูหนูถ้าใช้อย่างแห้ง ต้องแช่น้ำให้นิ่มแล้วล้างเอาทรายออกให้หมด ตัดตรงขั้วทิ้งใส่กระชอนให้สะเด็ดน้ำ แต่ถ้าใช้เห็ดหูหนูสดก็ตัดขั้วแข็งๆออกแล้วล้างให้สะอาด
3. เต้าเจี้ยวขาวล้างน้ำให้สะอาดเพราะบางครั้งจะมีทรายปนอยู่
4. เอากระทะตั้งไฟใส่น้ำมันลงพอร้อน เอาหัวหอมสับกับกระเทียมสับลงเจียวให้หอม
5. ใส่เนื้อไก่ เครื่องในไก่ลงผัดพอสุก ใส่เต้าเจี้ยวขาว ขิงอ่อน เติมซีอิ๊วขาว น้ำตาลปีบ น้ำส้มสายชู พอสุกจึงใส่พริกแดง พริกเหลือง หั่นลงโรยพริกไทยป่นแล้วตักขึ้นใส่จาน

หมายเหตุ
ถ้าชอบหอมหัวใหญ่ก็หั่นใส่ได้แต่ต้องผัดเครื่องในไก่ก่อน

แกงจืดมะระยัดไส้



แกงจืดมะระยัดไส้

เครื่องปรุง
มะระ 1 ลูก
เนื้อหมูบด 1 ถ้วยตวง
กระเทียม 5 กลีบ
รากผักชี 1 ช้อนชา
พริกไทยเม็ด 5-7 เม็ด
ซีอิ๊วขาว 1 ช้อนชา
เกลือป่น เล็กน้อย
น้ำปลา 2-3 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลทราย 1 ช้อนชา


วิธีทำ
1. มะระตัดเป็นท่อน 1 ลูก ตัดได้ 3 ท่อน ควักไส้ออก ล้างน้ำให้สะอาดผึ่งไว้
2. โขลกรากผักชี กระเทียม พริกไทยให้ละเอียด แล้วนำมาเคล้ากับเนื้อหมูบด เติมซีอิ๊วขาว น้ำตาลทรายเคล้าให้เข้ากันดี
3. นำเนื้อหมูที่ปรุงรสแล้วยัดใส่ในมะระให้เต็มทั้ง 3 ท่อน
4. ตั้งน้ำเปล่าให้เดือด ใส่มะระที่ยัดไส้แล้ว ใส่เกลือลงในน้ำซุปเล็กน้อย เพื่อที่มะระจะได้มีสีเขียวสด ต้มจนมะระและเนื้อหมูที่ยัดไส้สุก
5. ปรุงรสด้วยน้ำปลา ชิมรสให้กลมกล่อม ตักขึ้นเสิร์ฟร้อน โรยหน้าด้วยผักชี

ยำรวมถั่วบรอกโคลี




ยำรวมถั่วบรอกโคลี


เครื่องปรุง
ถั่วเขียวต้มสุก 2 ช้อนโต๊ะ
ถั่วเขียวแระเปลือกนึ่งสุก 2 ช้อนโต๊ะ
ถั่วแดงต้มสุก 2 ช้อนโต๊ะ
ถั่วแดงหลวงต้มสุก 2 ช้อนโต๊ะ
บรอกโคลีหั่นเป็นดอกเล็ก 1 ถ้วย
แครอทเกลาเป็นแท่งแล้วหั่นชิ้น 1/4 ถ้วย
หอมใหญ่หั่นเสี้ยวบาง 1/4 หัว
หอมใหญ่แดงหั่นเสี้ยวบาง 1/4 หัว
พริกหวานสีแดงหั่นสี่เหลี่ยมเล็ก 2 ช้อนโต๊ะ
สะระแหน่เด็ดใบ 1/4 ถ้วย

เครื่องปรุงน้ำยำ
พริกขี้หนูโขลก 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลทรายแดง 1 ช้อนชา
น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำมะนาว 3 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ
1. ผสมเครื่องปรุงน้ำยำทั้งหมดเข้าด้วยกัน
2. ต้มน้ำให้เดือดจัด ใส่แครอท บรอกโคลี ต้มให้สุก ตักขึ้นแช่ในน้ำเย็นจัด สงขึ้นให้สะเด็ดน้ำ
3. ใส่ถั่วทุกชนิดลงในอ่างผสม ใส่หอมใหญ่ทั้ง 2 ชนิด บรอกโคลี แครอท ราดด้วยน้ำยำ ใส่พริกหวาน ใบสะระแหน่ คลุกเคล้าให้เข้ากัน
4. ตักใส่จาน เสิร์ฟ

แกงส้มผักรวม



แกงส้มผักรวม

ส่วนผสม & เครื่องปรุง
: น้ำซุปโพแทสเซียม, เครื่องแกงส้ม (ต้องไม่ใส่กะปิ), น้ำมะขาม, ซีอิ๊วขาว,
น้ำตาลโตนด, ผักสดแล้วแต่ชอบ เช่น ยอดมะพร้าว, ผักบุ้งไทย, กะหล่ำปลี, ดอกกระหล่ำ ฯลฯ

วิธีทำ :
นำน้ำซุปโพแทสเซียมใส่หม้อ ละลายเครื่องแกงก่อนที่จะตั้งเตา (ถ้าละลายในน้ำเดือดจะจับตัวเป็นก้อน) ตั้งไฟให้เดือด ปรุงรสตามชอบ (ควรลดเค็มและหวาน) ใส่ผักลงไป ชิมรสอีกครั้ง เพราะน้ำในผักจะทำให้รสชาติเปลี่ยนไปเล็กน้อย


น้ำซุปโพแทสเซียม
สำหรับใช้เป็นน้ำแกงปรุงอาหาร

ส่วนผสม & เครื่องปรุง :
น้ำสะอาด 20 ลิตร
หอมใหญ่ 1/2 กก.
แครอทขนาดกลาง 1/2 กก.
มันฝรั่ง 1/2 กก.
หัวไชเท้า 1/2 กก. (จะใส่หรือไม่ก็ได้ บางคนบอกว่าจะไปล้างยา)

วิธีทำ :
ต้มน้ำให้เดือด นำผักที่เตรียมไว้ใส่ลงไปในหม้อต้มให้เดือด 15 นาที จากนั้นเคี่ยวไปประมาณ 2 ชั่วโมง ไฟกลางๆ เมื่อได้ที่แล้วทิ้งให้เย็น กรองเอากากออก นำน้ำซุปที่ได้แบ่งใส่ถุง แช่ช่องแข็งไว้ใช้ทำอาหารต่อไป

ผัดผักรวมมิตร



ผัดผักรวมมิตร

ส่วนผสม
ฟักทอง 1/4 ถ้วย
แครอต 1/4 ถ้วย
คะน้า 1/4 ถ้วย
มะเขือเทศ 1 ผล
กระเทียมโขลกละเอียด 2 ช้อนชา
น้ำมันพืช 2 ช้อนชา
น้ำตาลทราย 1 ช้อนชา
ซีอิ๊วขาว 2 ช้อนชา
กุ้งสด 50 กรัม
ปลาหมึก 50 กรัม

วิธีทำ
1. ล้างฟักทอง ปอกเปลือกหั่นชิ้นบางสมควร
2. ล้างแครอต ปอกเปลือกหั่นเป็นแว่นบางๆ
3. ล้างคะน้าหั่นเป็นท่อน
4. ล้างมะเขือเทศ หั่นตามยาว
5. ล้างกุ้ง ปอกเปลือก ดึงหัวผ่าหลังดึงไส้ดำออก
6. ล้างปลาหมึก ขูดสีดำๆออก บั้งหั่นสี่เหลี่ยม
7. นำกระทะตั้งไฟใส่น้ำมันพืช พอร้อนใส่กระเทียมพอหอม ใส่แครอต ฟักทอง พอสุกปรุงรสด้วยซีอิ๊วขาว น้ำตาลทราย ใส่กุ้ง ปลาหมึก ผักคะน้า และมะเขือเทศ ผัดให้เข้ากัน พอสุกตักขึ้น

แกงเลียง



แกงเลียง

ส่วนผสม & เครื่องปรุง
: น้ำซุปโพแทสเซียม, หอมแดง, กระชาย, พริกไทยป่น, สาหร่าย,
(แผ่นกลมๆ ที่ใช้ใส่แกงจืด) ผักสดแล้วแต่ชอบ เช่น บวบ, ตำลึง ใบแมงลัก, ฟักทอง, ข้าวโพดอ่อน, น้ำเต้า, ผักแม้ว, เป็นต้น ซีอิ๊วขาว

วิธีทำ
ตำหอมแดง กระชาย พริกไทยป่น สาหร่ายเข้าด้วยกัน หรือจะปั่นก็ได้ (ปั่นต้องใส่น้ำซุปลงไปด้วย) นำน้ำซุปโพแทสเซียมใส่หม้อละลายเครื่องแกงที่ตำไว้ ปิดฝา ตั้งไฟให้เดือด เมื่อได้ที่แล้วใส่ผักสุกยากลงไปก่อน เช่น ฟักทอง ข้าวโพดอ่อน ผักที่เป็นใบใส่ทีหลัง ปรุงรสด้วยซีอิ๊วขาว ชิมรส

น้ำซุปโพแทสเซียม
สำหรับใช้เป็นน้ำแกงปรุงอาหาร


ส่วนผสม & เครื่องปรุง :
น้ำสะอาด 20 ลิตร
หอมใหญ่ 1/2 กก.
แครอทขนาดกลาง 1/2 กก.
มันฝรั่ง 1/2 กก.
หัวไชเท้า 1/2 กก. (จะใส่หรือไม่ก็ได้ บางคนบอกว่าจะไปล้างยา)


วิธีทำ :
ต้มน้ำให้เดือด นำผักที่เตรียมไว้ใส่ลงไปในหม้อต้มให้เดือด 15 นาที จากนั้นเคี่ยวไปประมาณ 2 ชั่วโมง ไฟกลางๆ เมื่อได้ที่แล้วทิ้งให้เย็น กรองเอากากออก นำน้ำซุปที่ได้แบ่งใส่ถุง แช่ช่องแข็งไว้ใช้ทำอาหารต่อไป

ไก่ทอดตะไคร้


ไก่ทอดตระไคร้

เครื่องปรุง
สะโพกไก่ 2 ชิ้น
ตะไคร้อ่อนซอย 1/2 ถ้วยตวง
หอมแดงซอง 1/4 ถ้วยตวง
รากผักชีซอย 1 ช้อนโต๊ะ
พริกไทยเม็ด 1 ช้อนชา
เกลือ 1-2 ช้อนชา
ซีอิ๊วขาว 1-2 ช้อนโต๊ะ
พริกป่น 1 ช้อนชา
แป้งข้าวจ้าว 2 ช้อนโต๊ะ
นมสด 1/2 ถ้วยตวง
น้ำมันสำหรับทอด

วิธีทำ
1. สะโพกไก่ล้างน้ำให้สะอาดผึ่งให้สะเด็ดน้ำแล้วลงในนมสดนวดไปมาทิ้งไว้ 15 นาที
2. โขลกตะไคร้ (เหลือไว้เจียวโรยหน้าประมาณ 2 ช้อนโต๊ะ) หอมแดง รากผักชี พริกไทยโขลกให้ละเอียด
3. ผสมเครื่องที่โขลกกับพริกป่นเกลือ ซีอิ๊วขาว แป้งข้าวจ้าวเข้าด้วยกัน ใส่ลงในไก่ที่หมักกับนมไว้ เคล้าให้เข้ากัน หมักต่ออีก 1 ชั่วโมง
4. นำไก่ลงทอดในน้ำมันที่ร้อนจัดจนสุกเหลือง ตักขึ้นจัดใส่จาน ตะไคร้ที่เหลือไว้นำลงทอดให้เหลืองตักขึ้น โรยหน้าไก่ที่ทอดเสิร์ฟร้อนๆ

ข้าวผัดแหนม



ข้าวผัดแหนม

ส่วนผสม
แหนม
มะเขือเทศ 1 ลูกใหญ่
แครอท 1/2 ลูก
ข้าวสวย 2 1/2 ถ้วย
ซีอิ๊วขาว 3 ช้อนโต๊ะ
ซอสถั่วเหลือง 1/2 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาล 2 ช้อนโต๊ะ
ไข่ไก่ 2 ฟอง
กระเทียมสับ
น้ำมันถั่วเหลืองสำหรับผัด
ต้นหอมซอย

วิธีทำ
1. หั่นแหนมเป็นชิ้น นำครึ่งหนึ่งที่หั่นไว้มาขยำให้แหนมเป็นชิ้นเล็กๆ เวลาผัดกับข้าวจะได้รสแหนมด้วยค่ะ
2. หั่นมะเขือเทศและแครอท เป็นชิ้นเล็กๆ เวลาทานจะทานง่ายค่ะ ส่วนมะเขือเทศจะทำให้สีของข้าวผัดสวย ส่วนต้นหอมให้หั่นท่อนประมาณ 1 ซม. ไม่เล็กไม่ใหญ่เกินไปค่ะ
3. เจียวกระเทียมให้หอม แล้วนำแหนมลงผัดให้พอสุก ตอกไข่ลงไปทั้งสองฟอง รอสักพักให้ไข่เริ่มสุกจึงคน ไข่จะไม่เละ
4. ใส่มะเขือเทศและแครอท ผัดให้พอสุก แล้วนำข้าวสวยลงผัด
5. ปรุงรสด้วย ซีอิ๊วขาว ซอสถั่วเหลือง และน้ำตาล ผัดจนส่วนผสมเข้ากันดี ก่อนตักขึ้นเสิร์ฟ ให้โรยด้วยต้นหอมแล้วผัดต่อ
6. ทานคู่กับแตงกวาแช่เย็นค่ะ

เรื่องของยอดผัก

เรื่องของ..ยอดผัก

มะขาม

เป็นไม้มงคลที่นิยมนำมาปลูกไว้หน้าบ้าน เพื่อคนจะได้เกรงขาม และด้วยความเปรี้ยวที่มะนาวเรียกพี่นี่แหละ ผู้คนจึงนิยมนำยอดมาทำอาหารประเภทต้มส้ม ต้มโคล้งไก่บ้าน หรือต้มยำ รสชาติอร่อยอย่าบอกใครเชียว นอกจากนี้ยังมีวิตามินซีสูงช่วยสร้างภูมิต้านทานให้กับร่างกายได้

ยอดกระถิน

ตอนเด็กๆ เห็นคุณยายปลูกไว้ริมรั้วบ้านเสมอจะกินคราใดก็เด็ดได้สะดวก สำหรับกับข้าวคุณยายยังไม่ขาดยอดกระถินเลย โดยเฉพาะมื้อไหนที่มีน้ำพริกกะปิ ด้วยรสชาติมันๆ นุ่มละมุนลิ้น ทำให้ติดปากติดใจทุกวันนี้ ยอดกระถินไม่เด่นเฉพาะเรื่องความอร่อยอย่างเดียว แต่ยังมีสารอาหารดีๆ อีกมากมาย อย่างสารเบต้าแคโรทีนที่มีฤทธิ์ยับยั้งและต้านมะเร็งนอกจากนี้ยังมีธาตุช่วยสร้างเม็ดเลือดด้วยนะ

ยอดมะระขี้นก

หลายคนคงคุ้นชินกับการกินผลมะระขี้นกเป็นอย่างดีแล้ว แต่ถ้าไม่เคยกินยอด ขอบอกว่าต้องลองแม้ว่าความขมระหว่างยอดและดอกจะไม่ต่างกัน แต่ในความขมนั้นยังมีวิตามินเอ วิตามินบี วิตามินซี ใยอาหาร อีกทั้งแคลเซียมที่ช่วยสร้างกระดูก ฟัน และที่สำคัญยังบำรุงน้ำนมให้คุณแม่ด้วย

ยอดมะพร้าว

ถ้ามองเพียงผิวเผินจะคิดว่าเป็นหน่อไม้ เพราะมีลักษณะสีขาวเหมือนกัน แต่รับรองว่ารสชาติต่างกันแน่นอนค่ะยอดมะพร้าวจะหวานกว่าหน่อไม้ (นี่ล่ะสุดยอด…ดดด!) สามารถนำมากินได้ทั้งสดหรือทำแกง เช่น แกงส้ม ต้มยำ ทำแกงเผ็ด หรือต้มกะทิก็ได้ ในยอดมะพร้าวนั้นมีโปรตีน แคลเซียม ฟอสฟอรัส และวิตามินซี แต่กว่าเราจะได้ยอดมากินก็ต้องแลกกับการโค่นต้นเชียวนะคะ เพราะเหตุนี้มะพร้าวจึงค่อนข้างหายากหน่อย

ยอดขี้เหล็ก

เป็นผักที่มีรสขม แต่มีข้อดีคือ เป็นยาระบายอ่อนๆ มีสารช่วยคลายเครียด และทำให้นอนหลับสบาย นอกจากนี้ยังมีสารอาหารชนิดอื่นๆ ทั้งวิตามินเอ บี ซี และมีแคลเซียมในปริมาณที่ค่อนข้างสูง

วิธีที่จะทำให้ขี้เหล็กไม่ขม คือ นำขี้เหล็กไปต้มทิ้งน้ำสัก 1-2 ครั้ง แค่นี้ก็ไม่ขมแล้ว แกงขี้เหล็กจะอร่อยก็ต้องกงกะทิใส่ปลาย่างหรือหมูสับ กะทิในแกงขี้เหล็กไม่ได้ใส่เพื่อเพิ่มความอร่อยอย่างเดียว แต่มีส่วนในการดึงสารเบต้าแคโรทีนในขี้เหล็กออกมาใช้ประโยชน์ได้มากขึ้นอีกด้วย

ยอดขี้เหล็ก

เป็นผักที่รายล้อมอยู่รอบบ้าน จะแตกยอดอวบอ้วนช่วงหน้าฝน ถ้าเข้าช่วงหน้าร้อนยอดจะเล็กและแกร็น แต่ก็มียอดให้ได้กินตลอดปี ผักหวานบ้านถือเป็นผักหวานที่มีโปรตีนสูงมากทั้งนี้ยังมีแคลเซียม เบต้าแคโรทีน และวิตามินซี ผักหวานทำได้หลายเมนูนะคะ ที่เป็นเมนูเด็ดก็คือ ผัด แกงเลียง ลวกกะทิ หรือแม้กระทั่งกินสด แต่มักไม่นิยมกินเพราะเหม็นเขียว จึงทำให้วิตามินซี สูญหายไปกับขั้นตอนการปรุงอย่างน่าเสียดาย


กินมากไปก็ไม่ดีนะ แม้ว่ายอดผักบางชนิดโดยเฉพาะผักทอดยอด จะมีคุณประโยชน์กับร่างกายมากมายก็จริง แต่การกินในปริมาณมากเกินไปก็ไม่ดี เพราะในยอดผักจะมีสารพิวรีน (purine) เป็นจำนวนมาก ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดการสะสมขอวกรดยูริกตามข้อ ผิวหนัง และไต ซึ่งเป็นที่มาของโรคเกาต์ได้

ยอดขี้เหล็ก

เป็นผักที่ให้ความอร่อยไม่แพ้ผักหวานบ้าน แม้จะหายากเพราะขึ้นในหน้าร้อน แต่เดี๋ยวนี้สามารถซื้อได้ตามท้องตลาด เพราะความอร่อยและกรอบนี่เองจึงเข้าไปอยู่ในเมนูต่างๆ ได้ไม่ยาก ไม่ว่าจะเป็น แกงเลียง แกงจืด หรือผัดหักหวานป่าจึงเป็นผักอีกชนิดหนึ่งที่ปลอดสารพิษ และอุดมไปด้วยโปรตีน วิตามินบี 2 วิตามินซี และเบต้าแคโรทีน ซึ่งมีคุณสมบัติเร่งการเผาผลาญกรดอะมิโนให้เป็นพลังงาน จึงเหมาะกับคนที่อยากลดน้ำหนักอย่างมาก

ผักโขม

เป็นผักที่มีราคาไม่แพงแต่มีคุณค่าทางอาหารมากมาย เพราะเป็นผักที่มีคุณภาพคับยอดอีกชนิดหนึ่ง ที่มีแคลเซียม ธาตุเหล็ก ฟอสฟอรัส วิตามินเอ และซี ผู้หญิงที่กำลังให้นมลูก ถ้าได้กินผักโขมแล้วจะช่วยบำรุงน้ำนมได้ ส่วนเมนูที่นิยมกินจะเป็นผัด แกงเลียง หรือแกงจืด

ชะอม

แม้จะเป็นผักที่มีกลิ่นฉุนค่อนข้างแรง แต่ก็มิได้เป็นอุปสรรคต่อการทำอาหาร โดยเฉพาะไข่เจียวชะอมกินกับน้ำพริกกะปิ หรือจะเป็นเป็นแกงส้มชะอมทอด อร้อย อร่อย หรือจะกินสดๆ ก็ได้ ในชะอมมีทั้งโปรตีน และวิตามินซี เยอะมากรับรองว่าไม่ผิดหวังแน่นอน แต่ผักชนิดนี้จะเหมาะกับวัยผู้ใหญ่มากกว่าเด็กๆ เพราะกลิ่นฉุน

ตำลึง

เป็นไม้เลื้อยที่รู้จักกันดี นิยมปลูกริมรั้วบ้านและเป็นผักที่มีรสหวาน กลิ่นหอม อร่อย ทำอาหารได้หลายอย่าง ทั้งแกงจืด ต้มเลือดหมู แกงเลียง ลวกจิ้มน้ำพริกก็ได้ เพราะเป็นผักที่อุดมไปด้วยสารอาหารที่มีประโยชน์สูง เช่น สารเบต้าแคโรทีน แคลเซียม ฟอสฟอรัส ธาตุเหล็ก วิตามินซี การกินตำลึงช่วยป้องกันการเกิดโรคมะเร็งและหัวใจขาดเลือดได้ นอกจากนี้ยังมีเส้นใยที่ช่วยป้องกันการเกิดโรคมะเร็งและหัวใจขาดเลือดได้ นอกจากนี้ยังมีเส้นใยที่ช่วยลดอัตราเสี่ยงการเกิดโรคมะเร็งกระเพาะอาหารได้ด้วย ถือว่าเป็นผักที่มีคุณค่าอาหารสูงมากอีกชนิดหนึ่ง

ฟักแม้ว

หรือยอดมะระหวาน ถิ่นกำเนิดอยู่ภาคเหนือบ้านเฮาแม้จะเป็นผักที่เข้ามาอยู่ในตลาดเมื่อกรุงได้ไม่เท่าไหร่ แต่ในเรื่องของความกรอบอร่อยกลับได้รับการยอมรับเป็นอย่างดี ด้วยเมนูง่ายๆ คือ ผัดน้ำมันหอย ลวกกินกับน้ำพริก ในฟักแม้วนั้นมีสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกายหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็นวิตามินซี แคลเซียมและฟอสฟอรัส ที่เสริมสร้างกระดูกและฟันให้แข็งแรง

ยอดฟักทอง

เคยลองนำผักชนิดนี้มาทำอาหารกันบ้างหรือยัง เพราะในเรื่องของความอร่อยและคุณค่าทางอาหารนั้นไม่แพ้ผลฟักทองเลย มีทั้งแคลเซียม ฟอสฟอรัส โปรตีน และวิตามินเอ ที่ช่วยบำรุงสายตา บำรุงกระดูกและฟัน ส่วนเมนูอาหารก็ไม่ยากค่ะ แกงส้ม แกงเลียงหรือลวกจิ้มน้ำพริกทำได้หมดไปตลาดเมื่อไหร่อย่าลืมถามหามาลองทานกัน

ผักบุ้ง

คุ้นหน้าคุ้นตาและคงรู้จักกันเป็นอย่างดี กินสดก็ได้ลวกจิ้มน้ำพริกก็ดี แกงคั่วผักบุ้ง แกงเทโพ แกงส้ม ผัดผักบุ้งไฟแดง ทำสุกี้ และที่ฮอตที่สุดก็คือ ใส่ในก๋วยเตี๋ยวเย็นตาโฟเพราะเป็นผักที่หาง่าย มีให้กินได้ตลอดปีและราคาไม่แพง เป็นผักที่อุดมไปด้วยวิตามินเอ โปรตีน วิตามินบี 1 บี 2 วิตามินซี และใยอาหาร

ผักกะเฉด

หรือ ผักรู้นอน ผักที่ดูแปลกตากว่าชนิดอื่นด้วยฟองน้ำสีขาวที่หุ้มอยู่ เป็นผักที่สามารถนำมากินสดหรือปรุงอาหารได้ไม่ว่าจะเป็น ยำ ผัด แกง ส่วนคุณค่าทางอาหารนั้นก็ไม่ด้อยไปกว่าผักชนิดอื่นๆ เลยค่ะ ทั้งธาตุเหล็ก แคลเซียม ฟอสฟอรัส วิตามินซี และเบต้าแคโรทีน ผักกะเฉดจึงเป็นผักที่ขึ้นชื่อในการบำรุงเลือด และบำรุงกระดูก

ผักกูด

จัดเป็นเฟิร์นชนิดหนึ่งที่มีปลายยอดม้วนกลม คล้ายเครื่องหมายคำถาม รสชาติอาจจะจืดชืดสักหน่อย แต่อุดมไปด้วยธาตุเหล็ก เบต้าแคโรทีน ช่วยบำรุงสายตาและสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย ผักกูดนิยมนำมาลวกกะทิกินกับน้ำพริก หรือนำมาทำเป็นยำผักกูดก็ได้ ผักกูดชอบขึ้นตามพื้นที่ที่มีน้ำแฉะๆ และที่สำคัญผักกูดยังเป็นตัวชี้วัดความอุดมสมบูรณ์ของพื้นที่ได้อีกด้วย


เคล็ดลับกับประโยชน์ของยอดผัก

ถ้าต้องการจะลวกผักให้มีสีเขียวจัดและน่าหม่ำ ต้องยึดหลัก 4 ประการคือ “น้ำน้อย ไฟแรง ปิดฝา เวลาสั้น” ผักที่ลวกโดยวิธีนี้จะมีสีเขียวสดและน่ากิน

ผักยอดส่วนใหญ่เป็นผักที่ขึ้นเองตามธรรมชาติบ้างและปลูกกินเองบ้าง ส่วนที่ปลูกกินเองก็จะไม่ใช้สารเคมีเหมือนผักจำพวกคะน้า หรือกวางตุ้ง ราคาถูก และปลอดจากสารเคมี

ที่จะลืมไม่ได้เลยคือ ให้สังเกตบริเวณก้านและใบต้องไม่มีสีขาวหรือสีเทา และเป็นสีของเชื้อราส่วนใบต้องสด ไม่แห้ง ช้ำ หรือเหลือง

ถึงแม้ว่ายอดผักมักจะมาจากผักพื้นบ้าน แต่เรื่องคุณค่าทางอาหารเรียกว่าไม่เป็นสองรองใครเลย ที่สำคัญยังเป็นผักที่ปลอดสารเคมีอีกด้วย ของดีๆ อย่างนี้ ไม่เลือกไม่ได้แล้ว…

พระนครศรีอยุธยา



" ราชธานีเก่า อู่ข้าวอู่น้ำ เลิศล้ำกานท์กวี คนดีศรีอยุธยา "
ข้อมูลทั่วไป
จังหวัดพระนครศรีอยุธยา หรือเรียกสั้นๆ ว่า “ อยุธยา ” ตั้งอยู่ในภาคกลาง เป็นเมืองหลวงเก่าของไทย สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 1893 โดยสมเด็จพระเจ้าอู่ทอง หรือ สมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 ในเวลา 417 ปีที่กรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี มีกษัตริย์ปกครอง 33 พระองค์ (ไม่รวมขุนวรวงศาธิราช) จาก 5 ราชวงศ์ คือ ราชวงศ์อู่ทอง ราชวงศ์สุพรรณภูมิ ราชวงศ์สุโขทัย ราชวงศ์ปราสาททอง และราชวงศ์บ้านพลูหลวง นับเป็นราชธานีของไทย ที่มีอายุยืนยาวที่สุดในประวัติศาสตร์ชาติไทย ที่อยู่ในดินแดนแหลมทองแห่งนี้

อยุธยา มีพื้นที่เป็นที่ลุ่ม มีแม่น้ำสายใหญ่คือ แม่น้ำป่าสัก แม่น้ำลพบุรีและแม่น้ำเจ้าพระยา ไหลมาบรรจบกัน ในลักษณะล้อมรอบผืนแผ่นดินส่วนใหญ่ของตัวเมืองไว้ ตัวจังหวัดจึงเป็นเกาะ ที่มีบ้านเรือนปลูกเรียงรายหนาแน่น ตามสองข้างฝั่งแม่น้ำ


อาณาเขตและการปกครอง :
อยุธยา อยู่ห่างจากกรุงเทพฯ ประมาณ 76 กิโลเมตร มีเนื้อที่ 2,556.6 ตารางกิโลเมตร มีอาณาเขตติดต่อกับจังหวัดต่างๆ ดังนี้

ทิศเหนือ จดจังหวัดลพบุรี อ่างทอง และ สระบุรี
ทิศใต้ จดจังหวัดปทุมธานี และ นนทบุรี
ทิศตะวันออก จดจังหวัดสระบุรี
ทิศตะวันตก จดจังหวัดสุพรรณบุรี

อยุธยา แบ่งการปกครองออกเป็น 16 อำเภอ ได้แก่ อำเภอพระนครศรีอยุธยา อำเภอนครหลวง อำเภอภาชี อำเภอบ้านแพรก อำเภอบางซ้าย อำเภอบางไทร อำเภอลาดบัวหลวง อำเภอบางบาล อำเภอมหาราช อำเภอบางปะหัน อำเภอเสนา อำเภออุทัย อำเภอบางปะอิน อำเภอผักไห่ อำเภอท่าเรือ และอำเภอวังน้อย


ระยะทางจากอำเภอเมืองไปยังอำเภอต่างๆ :
อำเภอท่าเรือ ระยะทาง 60 กิโลเมตร
อำเภอนครหลวง ระยะทาง 20 กิโลเมตร
อำเภอบางไทร ระยะทาง 45 กิโลเมตร
อำเภอบางบาล ระยะทาง 10 กิโลเมตร
อำเภอบางปะอิน ระยะทาง 17 กิโลเมตร
อำเภอบางปะหัน ระยะทาง 13 กิโลเมตร
อำเภอผักไห่ ระยะทาง 29 กิโลเมตร
อำเภอภาชี ระยะทาง 35 กิโลเมตร
อำเภอลาดบัวหลวง ระยะทาง 65 กิโลเมตร
อำเภอวังน้อย ระยะทาง 20 กิโลเมตร
อำเภอเสนา ระยะทาง 20 กิโลเมตร
อำเภอบางซ้าย ระยะทาง 34 กิโลเมตร
อำเภออุทัย ระยะทาง 15 กิโลเมตร
อำเภอมหาราช ระยะทาง 25 กิโลเมตร
อำเภอบ้านแพรก ระยะทาง 53 กิโลเมตร

ระยะทางจากจังหวัดอยุธยาไปยังจังหวัดใกล้เคียง
- กรุงเทพฯ ระยะทาง 76 กิโลเมตร
- สระบุรี ระยะทาง 63 กิโลเมตร
- สุพรรณบุรี ระยะทาง 53 กิโลเมตร

วิหารพระมงคลบพิตร

พระมงคลบพิตรเป็นพระพุทธรูปอิฐบุทองสัมฤทธิ์สีดำตลอดองค์เพราะเคลือบรักไว้
สันนิษฐานว่าสร้างในสมัยสมเด็จพระไชยราชา ราว พ.ศ.2081 สำหรับเป็นพระพุทธรูป
ประจำวัดซีเซียง ประดิษฐานอยู่กลางแจ้ง ต่อมาในสมัยสมเด็จพระเจ้าทรงธรรม ทรง
โปรดเกล้าฯ ให้ชลอพระมงคลบพิตรมาไว้ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของวัดพระศรี
สรรเพชญ์ และสร้างมณฑปครอบไว้ ครั้งแผ่นดินสมเด็จพระเจ้าเสือเกิดฟ้าผ่าเครื่อง
มณฑปพังลงมาต้องพระศอหักก็โปรดเกล้าฯ ให้รื้อซากมณฑปสร้างใหม่และซ่อมพระศอ
ให้เหมือนเดิม จนเมื่อ พ.ศ.2310 เสียกรุงศรีอยุธยาวิหารพระมงคลบพิตรถูกไฟไหม้
ทรุดโทรม พระเมาฬี และพระกรขวาหัก ในสมัยรัชกาลที่ 5 พระยาโบราณราชธานินทร์
ซึ่งขณะนั้นดำรงตำแหน่งสมุหเทศาภิบาลมณฑลอยุธยาได้ซ่อมองค์พระด้วยปูนปั้นและ
ในปี พ.ศ.2535 วิหารพระมงคลบพิตรทั้งองค์ เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัยที่มีขนาด
ใหญ่มากที่สุดองค์หนึ่งของประเทศไทย


พระราชวังหลวงหรือพระราชวังโบราณ

พระราชวังหลวงที่ปรากฏในพระนครศรีอยุธยาปัจจุบันคงเหลือแต่ฐานอาคารให้เห็น
เท่านั้น สันนิษฐานว่าพระเจ้าอู่ทองสร้างพระราชวังตั้งแต่เมื่อครั้งประทับอยู่ที่เวียงเล็ก
เมื่อ พ.ศ.1890 และเมื่อสร้างกรุงเสร็จใน พ.ศ.1893 จึงย้ายมาประทับที่พระราชวังใหม่
ริมหนองโสน พระที่นั่งต่างๆ ในครั้งแรกนี้สร้างด้วยไม้อยู่ในบริเวณซึ่งปัจจุบันเป็นวัด
พระศรีสรรเพชญ์ ต่อมาเมื่อ พ.ศ.1991 สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ ทรงถวายที่บริเวณ
พระราชวังเดิมสร้างเป็นวัดในเขต พระราชวัง เรียกว่า "วัดพระศรีสรรเพชญ์" แล้วทรง
สร้างพระราชวังหลวงใหม่เลื่อนไปทางทิศเหนือชิดริมแม่น้ำลพบุรี พระที่นั่งต่างๆ ในเขต
พระราชวังหลวงหรือที่เรียกในปัจจุบันว่า พระราชวังโบราณเดิมเป็นที่ประทับของ
พระมหากษัตริย์อยุธยาทุกรัชกาล ตั้งอยู่ริมกำแพงพระนครศรีอยุธยาทางด้านเหนือมีถนน
สายรอบกรุงผ่านจากวังจันทรเกษมไปเพียง 2 กิโลเมตร เปิดให้เข้าชมทุกวันตั้งแต่
เวลา 08.30 น. - 16.30 น. รายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อ โทร.035-242284
บริเวณพระราชวังมีพระที่นั่งที่สำคัญดังนี้
พระที่นั่งวิหารสมเด็จ ตั้งอยู่ตอนใต้สุดเป็นปราสาทยอดปรางค์ มีมุขหน้าหลังยาว
แต่มุขข้างสั้น มีกำแพงแก้วล้อม 2 ด้าน ตามพงศาวดารกล่าวว่า สมเด็จพระเจ้าปราสาท
ทอง ทรงโปรดฯ ให้สร้างเมื่อพ.ศ.2186 เพื่อแทนพระที่นั่งมังคลาภิเษกที่ถูกฟ้าผ่าไฟ
ไหม้ ชาวบ้านเรียกว่า "ปราสาททอง" เนื่องจากเป็นปราสาทปิดทององค์แรกที่สร้าง
ขึ้นสำหรับประกอบพระราชพิธีสำคัญต่าง ๆ
พระที่นั่งสรรเพชญปราสาท เป็นปราสาทยอดปรางค์ตั้งอยู่ตรงกลางสร้างแบบเดียว
กับพระที่นั่งวิหารสมเด็จมีมุขยื่นออกมาเพื่อเสด็จออกรับแขกเมือง มีโรงช้างเผือก
กระหนาบอยู่สองข้าง
พระที่นั่งสุริยาสน์อมรินทร์ เป็นปราสาทจตุรมุขก่อด้วยศิลาแลง อยู่ติดกำแพงริม
แม่น้ำ เดิมชื่อ"พระที่นั่งสริยามรินทร์" ต่อมาเปลื่ยนเป็นชื่อนี้ เพื่อให้คล้องกับชื่อ
"พระที่นั่งสรรเพชญ์ปราสาท" ก่อสร้างเป็นปราสาทจตุรมุขยกพื้นสูงกว่าพระที่นั่งองค์อื่น
ใช้เ้ป็นที่สำหรับประทับทอดพระเนตร ขบวนแห่ทางน้ำ
พระที่นั่งจักรวรรดิไพชยนต์ สมเด็จพระเจ้าปราสาททองทรงสร้างเมื่อ พ.ศ.2175
พระราชทานนามว่า "พระที่นั่งศิริยโสธรมหาพิมานบรรยงค์" คล้ายปราสาทที่นครธม
ต่อมาเปลี่ยนเป็น "พระที่นั่งจักรวรรติไพชยนต์" ลักษณะเป็นปราสาทตรีมุขตั้งอยู่บน
กำแพงชั้นในหน้าพระราชวังเป็นที่สำหรับทอดพระเนตรกระบวนแห่และฝึกซ้อมทหาร
เหมือนพระที่นั่งพุทไธสวรรย์ที่พระบรมมหาราชวังกรุงเทพมหานคร
พระที่นั่งตรีมุข อยู่ข้างหลังพระที่นั่งสรรเพชญปราสาทไม่ปรากฎปีที่สร้างเข้าใจว่า
เดิมเป็นพระที่นั่งฝ่ายในและเป็นที่ประทับในอุทยานฯ
พระที่นั่งบรรยงก์รัตนาสน์ (พระที่นั่งท้ายสระ) เป็นปราสาทจตุรมุขตั้งอยู่บนเกาะ
กลางสระน้ำ สมเด็จพระเพทราชาโปรดฯ ให้สร้างขึ้นเป็นที่ประทับสำราญพระราชหฤทัย
เมื่อ พ.ศ.2233 และได้เสด็จประทับตลอดรัชกาลมีพระแท่นสำหรับทอดพระเนตรปลา
ที่ทรงเลี้ยงไว้สระนั้นด้วย
พระที่นั่งทรงปืน อยู่ริมสระด้านตะวันตก ใกล้พระที่นั่งบรรยงค์รัตนาสน์ น่าจะใช้
เป็นที่ฝึกซ้อมเพลงอาวุธและในสมัยพระเพทราชาทรงใช้เป็นที่เสด็จออกขุนนาง

วัดไชยวัฒนาราม

อยู่ริมแม่น้ำฝั่งเดียวกับวัดพุทไธสวรรค์ แต่อยู่ทางด้านทิศตะวันตกของเกาะเมือง
พระเจ้าปราสาททอง โปรดเกล้าฯ ให้สร้างวัดไชยวัฒนารามขึ้นในปี พ.ศ.2173 เพื่อ
อุทิศวายให้เป็นอนุสรณ์สถาน ณ บ้านเดิมของพระราชมารดาและเพื่อเฉลิมพระเกียรติ
ในการเสด็จขึ้นครองราชย์ด้วยทรงมีพระราชนิยมศิลปะแบบขอมวัดนี้จึงมีสถาปัยกรรม
รูปปรางค์ ประกอบด้วยพระปรางค์ศรีรัตนมหาธาตุ เป็นองค์ประธานสูงเด่นอยู่ท่ามกลาง
ปรางค์ทิศและปรางค์รายทั้ง 8 ทิศ สันนิษฐานว่าแต่เดิมในคูหาปรางค์ประธาน เป็นที่
ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ หรือสิ่งอันควรบูชาอื่น ๆ พระอุโบสถวัดอยู่ทางด้าน
ตะวันออกของพระปรางค์ มีซากพระประธานเป็นพระพุทธรูปปรางค์มารวิชัย สร้างด้วย
หินทราย และที่ฐานประทักษิณด้านทิศเหนือมีฐานรากของเจดีย์ 3 องค์ ตั้งเรียงกัน
สันนิษฐานว่าเป็นที่บรรจุพระอัฐิเจ้าฟ้าธรรมาธิเบศร (เจ้าฟ้ากุ้ง รัตนกวีแห่งกรุงศรี
อยุธยา) เจ้าสังวาลย์ และเจ้าฟ้านิ่มพระสนมเอก ในพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ ปัจจุบันเป็น
วัดร้าง แต่ยังมีพระปรางค์ใหญ่และเจดีย์รายตามมุมคงเหลืออยู่และรูปทรงยังสมบูรณ์
ดีเป็นส่วนมาก

ระยอง




ระยอง เริ่มปรากฏชื่อในพงศาวดารเมื่อปีพุทธศักราช 2113 ในรัชสมัยของสมเด็จพระมหาธรรมราชาแห่งกรุงศรีอยุธยา สันนิษฐานว่าเมืองนี้ก่อตั้งขึ้นเมื่อประมาณปีพุทธศักราช 1500 ยุคที่ขอมมีอานุภาพเฟื่องฟูแถบดินแดนสุวรรณภูมิ ปรากฏจากหลักฐาน คือ ซากศิลาแลง คูค่ายที่ยังหลงเหลืออยู่ในเขตอำเภอบ้านค่าย อันเป็นศิลปะการก่อสร้างแบบขอม

ประวัติศาสตร์กล่าวถึงเมือง ระยอง ระหว่างที่กรุงศรีอยุธยาใกล้จะเสียทีแก่พม่าเป็น ครั้งที่ 2 ในรัชสมัยของพระเจ้าเอกทัศน์ ปีพุทธศักราช 2309 พระยาวชิรปราการ หรือพระยาตาก พร้อมไพร่พลประมาณ 500 คน ได้ตีฝ่าวงล้อมทัพพม่า มาหยุดพักไพร่พลที่เมือง ระยอง ก่อนเดินทัพต่อไปยังเมืองจันทบุรี เพื่อยึดเป็นที่ตั้งมั่นในการกอบกู้ อิสรภาพคืนจากพม่าในปีพุทธศักราช 2311

จังหวัดระยอง ตั้งอยู่ในพื้นที่ชายฝั่งทะเลภาคตะวันออกของประเทศไทย มีชายฝั่งทะเลยาวประมาณ 100 กิโลเมตร มีเนื้อที่ 3,552 ตารางกิโลเมตร เป็นแหล่งอาหารทะเล และผลไม้นานาชนิด เป็นเมืองอุตสาหกรรม และเป็นที่ตั้งของโครงการพัฒนาพื้นที่ชายฝั่งทะเลตะวันออก ซึ่งมีความสำคัญต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ รวมทั้งเป็นเมืองท่องเที่ยวชายทะเลที่สำคัญ แบ่งการปกครองออกเป็น 6 อำเภอ 2 กิ่งอำเภอ ประกอบด้วย อำเภอเมือง ระยอง อำเภอแกลง อำเภอบ้านค่าย อำเภอบ้านฉาง อำเภอปลวกแดง อำเภอวังจันทร์ กิ่งอำเภอเขาชะเมา และกิ่งอำเภอนิคมพัฒนา

ระยอง เมืองชายทะเลฝั่งตะวันออก ที่ได้รับการขนานนาม ให้เป็นเมือง " สุนทรภู่ " เมืองแห่งกวีเอก กรุงรัตนโกสินทร์ ผู้ประพันธ์วรรณกรรม ประเภทร้อยกรอง ได้อย่างไพเราะ สละสลวย และเต็มไปด้วยจินตนาการ โดยเฉพาะ นิทานกลอนสุภาพ เรื่อง พระอภัยมณี ซึ่งฉากหนึ่งในนิทาน เรื่องนี้ ก็คือหมู่เกาะน้อยใหญ่ และท้องทะเล ที่สวยงาม ในจังหวัด ระยอง นั่นเอง

นอกจากธรรมชาติอันงดงามแล้ว ระยอง ยังเป็นแหล่งประมง และผลิตอาหารทะเลแปรรูปที่สำคัญ เป็นแหล่งปลูกผลไม้เมืองร้อน ที่มีคุณภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เงาะ ทุเรียน และมังคุด อีกทั้งยังเป็นที่ตั้งของโครงการพัฒนาพื้นที่ ชายฝั่งตะวันออก ซึ่งเป็นเขตเศรษฐกิจแห่งใหม่ของประเทศ ทางหลวงสายสำคัญจากทุกภูมิภาค ที่มุ่งหน้าสู่จังหวัด ระยอง สร้างขึ้นเพื่ออำนวยความสะดวก แก่ภาคอุตสาหกรรม ในขณะเดียวกัน ก็เอื้อประโยชน์ ให้การเดินทางท่องเที่ยว มายังจังหวัด ระยอง ได้รวดเร็วและปลอดภัย มากขึ้น โรงแรม ร้านอาหาร ที่ได้มาตรฐาน ถูกสร้างขึ้น เพื่อรองรับความเจริญ เติบโต ของภาคอุตสาหกรรม และการท่องเที่ยว จึงทำให้ ระยอง ในวันนี้ เป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยว ที่ต้องการ ที่พัก ร้านอาหาร และการบริการที่สะดวกสบายพร้อมสรรพ แต่ยังคงได้สัมผัสกับธรรมชาติ และบรรยากาศ ที่เป็นส่วนตัว เหมือนครั้งเมื่อวันวาน

อาณาเขต
ทิศเหนือ ติดต่อเขตอำเภอหนองใหญ่ อำเภอบ่อทอง อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี
ทิศใต้ ติดต่ออ่าวไทย มีชายฝั่งยาวประมาณ 100 กิโลเมตร
ทิศตะวันออก ติดต่อเขตอำเภอท่าใหม่ จังหวัดจันทบุรี
ทิศตะวันตก ติดต่อเขตอำเภอสัตหีบ อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี
สถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ


สถานที่ท่องเที่ยว อำเภอแกลง

สวนวังแก้ว
ห่างจากตัวเมืองระยองประมาณ 38 กิโลเมตร อยู่เลยสวนสนไปตามถนนเลียบชายทะเลประมาณ 11 กิโลเมตร เป็นสถานที่ท่องเที่ยวของเอกชนที่เก่าแก่ที่สุดของจังหวัดระยอง ภายในบริเวณมีธรรมชาติสวยงาม ทั้งสวนป่าธรรมชาติและสวนไม้ดอกไม้ประดับ มีหาดทรายและอ่าวหลายแห่งเปิดให้เข้าชมทุกวัน และมีบริการด้านที่พัก รายละเอียดติดต่อ โทร. (038) 638067-8 กรุงเทพฯ โทร. 259-4150-1

แหลมแม่พิมพ์
อยู่ห่างจากตัวเมืองระยอง 45 กิโลเมตร จากถนนสุขุมวิทมีทางแยกขวาไปแหลมแม่พิมพ์ถึง 3 แห่งด้วยกัน คือตรงกิโลเมตรที่ 259.5, 263 และ 268 ผ่านอนุสาวรีย์สุนทรภู่ไปอีก 5 กิโลเมตร หรือห่างจากวังแก้ว ตามถนนเลียบชายหาดไปอีก 11 กิโลเมตร บริเวณชายหาดแม่พิมพ์เล่นน้ำได้ คลื่นไม่แรงนัก น้ำทะเลสะอาด

อนุสาวรีย์สุนทรภู่
อยู่ห่างจากแหลมแม่พิมพ์ตามทางหลวงสาย 3145 (ถนนเลียบชายฝั่งทะเล) ประมาณ 5 กิโลเมตร เป็นอนุสาวรีย์ที่สร้างเพื่อเป็นที่ระลึกถึงสุนทรภู่ กวีเอกในสมัยรัตน-โกสินทร์ตอนต้น ในบริเวณอนุสาวรีย์มีรูปปั้นตัวละครในเรื่องพระอภัยมณีบางตอน อนุสาวรีย์นี้เปิดเมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2513

วัดสารนารถธรรมาราม
ตรงกิโลเมตรที่ 265 ถนนสุขุมวิท ปากทางเข้าอำเภอแกลง แยกซ้ายเข้าไปประมาณ 1 กิโลเมตร สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2488 องค์พระประธานจำลองมาจากพระพุทธชินราช วัดมหาธาตุ พิษณุโลก บริเวณมุมโบสถ์ทั้ง 4 ได้จำลองเอาพระพุทธเจดีย์ที่สำคัญของแต่ละภาคไว้ คือ พระปฐมเจดีย์ พระธาตุพนม พระเจดีย์พุทธคยาจำลองและพระบรมธาตุไชยา

หมู่เกาะมัน
เป็นหมู่เกาะในเขตตำบลกร่ำ อำเภอแกลง จังหวัดระยอง หมู่เกาะมันมีอยู่ 3 เกาะ เกาะที่อยู่ใกล้ฝั่งมากที่สุด คือ เกาะมันใน ถัดไปคือ เกาะมันกลาง และเกาะมันนอก

เกาะมันใน
มีพื้นที่ประมาณ 131 ไร่ 3 งาน 31 ตารางวา มีอ่าวที่น่าสนใจอยู่หลายแห่ง เช่น อ่าวต้นมะขาม อ่าวหินโขดหญ้า อ่าวโกงกาง และอ่าวหน้าบ้าน โดยเฉพาะที่อ่าวหน้าบ้านมีปะการัง ส่วนอ่าวโกงกางเป็นพื้นที่ทรายเรียบตลอด เกาะมันใน เป็นทรัพย์สินส่วนพระองค์ในสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ โดยมีพระราชประสงค์ให้เกาะมันในเป็นที่ดำเนินการโครงการสมเด็จฯ อนุรักษ์พันธุ์เต่าทะเล

เกาะมันในอยู่ห่างจากแหลมแม่พิมพ์ 5 กิโลเมตร (ใช้เวลาเดินทาง 30 นาที) อยู่ห่างจากปากน้ำประแสร์ 9.8 กิโลเมตร (ใช้เวลาเดินทาง 1 ชั่วโมง) การเดินทางไปเกาะมันในอาจเช่าเรือไปได้จากทั้งสองแห่ง การเช่าเรือจากแหลมแม่พิมพ์ต้องไปลงเรือที่อ่าวมะขาม หรือถ้าเช่าเรือไปจากปากน้ำประแสร์ ค่าเช่าเรือประมาณ 500 บาท ติดต่อรายละเอียดเพิ่มเติมที่สถานีเพาะเลี้ยงพันธุ์เต่าทะเล เกาะมันใน โทร. (038) 616096, 657466

เกาะมันกลาง
มีที่พักชื่อระย้าไอส์แลนด์รีสอร์ท รายละเอียดที่พักและการเดินทาง ติดต่อที่ โทร. 316-6717, 740-2647

เกาะมันนอก
มีหาดสวยงาม มีบริการบ้านพัก ติดต่อสอบถามรายละเอียดการเดินทางและที่พักได้ที่ เกาะนอกรีสอร์ท โทร. 860-3025-8


สถานที่ท่องเที่ยว อำเภอบ้านฉาง

หาดพยูนและหาดพลา
ตั้งอยู่ที่ ห่างจากตัวเมืองระยอง 32 และ 34 กิโลเมตร ตามลำดับ เป็นชายหาดยาวติดต่อกัน มีความสวยงามและสงบ บริเวณหาดพลา มีสวนสนปลูกไว้หนาแน่นและร่มรื่น มีโรงแรมและบังกะโลให้เลือกพักหลายแห่ง

สถานที่ท่องเที่ยว อำเภอบ้านค่าย

สวนสุภัทรา
ห่างจากตัวเมืองประมาณ 30 กิโลเมตร เป็นสวนผลไม้ที่เปิดให้ประชาชนเข้าชม มีผลไม้ประเภทมังคุด ทุเรียน เงาะ ลองกอง เหมาะไปชมในช่วงฤดผลไม้ราวปลายเดือนเมษายนถึงเดือนมิถุนายน เสียค่าบริการท่านละ 120 บาท เปิดบริการทุกวัน เวลา 8.00-18.00 น. โทร (038) 892048-9 โทรสาร 612257

สถานที่ท่องเที่ยว อำเภอปลวกแดง

โรงงานโลตัส คริสตัล
ห่างจากตัวเมือง 30 กิโลเมตร เป็นโรงงานผลิตเครื่องแก้วคริสตัลแห่งแรกของ จ.ระยอง ซึ่งทางโรงงานได้เปิดให้ผู้สนใจสามารถเข้าชมกรรมวิธีการผลิตในขั้นตอนต่าง ๆ ตลอดจนเลือกซื้อสินค้าที่มีคุณภาพในราคาพิเศษได้ทุกวัน เว้นวันอาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 08.00-17.00 น. สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่ โทร. (038) 897028-32

อ่างเก็บน้ำดอกกราย
ห่างจากเมืองระยอง 35 กิโลเมตร เป็นที่ตั้งโครงการศูนย์บริการพัฒนาปลวกแดงตามพระราชดำริ จังหวัดระยอง-ชลบุรี เป็นศูนย์กลางการศึกษา การพัฒนาเกษตร และศิลปาชีพพิเศษแก่ราษฎร โครงการต่างๆ ครอบคลุมพื้นที่กว่า 20,000ไร่ บริเวณอ่างเก็บน้ำมีพื้นที่ประมาณ 1,300 ไร่ อุดมไปด้วยพันธุ์ปลา


สถานที่ท่องเที่ยว กิ่งอำเภอนิคมพัฒนา

สวนสมุนไพร สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
ตั้งอยู่ในบริเวณศูนย์บำรุงรักษาและบ้านพักมาบข่า การปิโตรเลี่ยมแห่งประเทศไทย บนทางหลวงหมายเลข 3191 ต.มาบข่า ห่างจากตัวเมืองประมาณ 25 กิโลเมตร มีพื้นที่ 60 ไร่ จัดสร้างขึ้นเพื่อเป็นแหล่งรวบรวมสมุนไพร และเป็นศูนย์รวมความรู้และงานวิจัยทดลองเรื่องสมุนไพรที่มีความสมบูรณ์มากที่สุดแห่งหนึ่ง เปิดให้เข้าชมทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.30-16.30 น. สำหรับผู้ที่ต้องการเข้าชมเป็นหมู่คณะ กรุณาติดต่อล่วงหน้าในเวลาราชการ วันจันทร์-พฤหัสบดี เวลา 08.30-16.30 น. วันศุกร์เวลา 08.30-16.00 น. สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่ โทร. (038) 681827-30 หรือทำหนังสือถึงรองผู้จัดการใหญ่ ด้านปฏิบัติการโรงแยกก๊าซระยอง เลขที่ 555 โรงแยกก๊าซ ปตท. ถ.สุขุมวิท ต.มาบตาพุด อ.เมือง จ.ระยอง 21150

สถานที่ท่องเที่ยว กิ่งอำเภอเขาชะเมา

อุทยานแห่งชาติเขาชะเมา-เขาวง
อยู่ห่างจากตัวเมืองระยอง 71 กิโลเมตร ไปตามถนนสุขุมวิทตรงกิโลเมตรที่ 274 ถึงบริเวณสี่แยกเขาดิน เลี้ยวซ้ายเข้าไป 17 กิโลเมตร สภาพเส้นทางเข้าอุทยานฯราดยางอย่างดี ที่ทำการอุทยานฯ อยู่ในเขตท้องที่ตำบลทุ่งควายกิน สภาพป่าอุดมสมบูรณ์ มีเนื้อที่ 52,300 ไร่ เป็นต้นกำเนิดของแม่น้ำประแสร์ มีพันธุ์ไม้ต่าง ๆ ทั้งไม้ยืนต้น และไม้ประดับจำพวกว่านต่าง ๆ ขึ้นอยู่ทั่วไป สถานที่น่าสนใจภายในอุทยานฯ ได้แก่ น้ำตกเขาชะเมา น้ำตกคลองหินเพลิงและถ้ำเขาวงซึ่งอยู่ในเขตจังหวัดจันทบุรี ได้รับการประกาศเป็นอุทยานแห่งชาติ เมื่อวันที่ 31 ธันวาคม 2518 กองอุทยานมีบังกะโล ค่ายพักแรม และสถานที่กางเต็นท์ไว้บริการแก่นักท่องเที่ยว รายละเอียดเรื่องที่พักติดต่อสอบถามรายละเอียด และจองได้ที่ กองอุทยานแห่งชาติ โทร. 579-7223, 579-5734

จันทบุรี


"น้ำตกลือเลื่อง เมืองผลไม้ พริกไทยพันธุ์ดี อัญมณีมากเหลือ เสื่อจันทบูร"


ข้อมูลทั่วไป

สมบูรณ์ธรรมชาติ สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช รวมญาติกู้ชาติที่จันทบุรี
เมืองจันท์เป็นเมืองที่อุดมสมบูรณ์ ดินฟ้าอากาศเอื้ออำนวย ต่อการปลูกผลไม้ หลายชนิด โดยเฉพาะ ทุเรียน เงาะ มังคุด และพืชผลทางการเกษตรอื่น ๆ เช่น พริกไทย ยางพารา เป็นศูนย์กลางธุรกิจ ด้านอัญมณี และมีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจมากมาย ไม่ว่าจะเป็นภูเขา ป่าไม้ น้ำตก ชายทะเล และโบราณสถาน โบราณวัตถุต่างๆ
จันทบุรีเป็นเมืองเก่าแก่ เคยเป็นที่อยู่อาศัยของมนุษย์ยุคก่อนประวัติศาสตร์ มีการสำรวจแหล่งโบราณคดีหลายแห่งในจันทบุรี พบเครื่องมือเครื่องใช้ยุคหินขัด (อายุประมาณ 2,000 ปี) ในเขตอำเภอมะขาม อำเภอท่าใหม่ และที่ราบเชิงเขาที่บ้านคลองบอน อำเภอโป่งน้ำร้อน เริ่มมีการตั้งเมืองครั้งแรกที่บริเวณหน้าเขาสระบาป ราวพุทธศตวรรษที่ 18 “ชาวชอง” (ชนเผ่าในตระกูลมอญ-เขมร) เป็นชนพื้นเมืองกลุ่มแรก ที่เข้ามาตั้งรกราก อยู่ในป่าตะวันออก บริเวณจันทบุรี ตราด ระยอง โดยเฉพาะเขตป่ารอยต่อจันทบุรี-ตราด ซึ่งเป็นแหล่งของป่า และสมุนไพรที่อุดมสมบูรณ์ ทั้งรง ครั่ง ขี้ผึ้ง กระวาน ไม้กฤษณา หวาย จันท์ขาว อบเชยป่า ขมิ้นหอม น้ำมันยาง เร่ว ในสมัยก่อน ชาวชอง ดำรงชีพด้วยการเก็บของป่าขาย ปัจจุบันพื้นที่ป่าลดน้อยลง เพราะถูกหักร้าง เพื่อทำสวน ทำไร่ ถูกจับจองโดยคนไทยและคนจีน การเก็บของป่ากลายเป็นสิ่งผิดกฏหมาย นายพรานไพรต้องเปลี่ยนวิถีชีวิต ไปเป็นแรงงานในเมือง หรือบางส่วนยังคงทำสวนทำนากันอยู่ (ปัจจุบันชาวชองส่วนใหญ่จะอยู่ที่บ้านคลองพลู กิ่งอำเภอเขาคิชฌกูฏ)
พ.ศ. 2200 ได้ย้ายมาสร้างเมืองใหม่ที่บ้านลุ่มซึ่งอยู่ทางฝั่งตะวันตกของแม่น้ำจันทบุรี และหลังจากกรุงศรีอยุธยาเสียแก่พม่า สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช เมื่อครั้งยังเป็นพระยาวชิรปราการ ได้นำกำลังพลประมาณ 500 คน ตีฝ่าวงล้อมพม่าออกทางทิศตะวันออก และยึดเมืองจันทบุรีไว้ เป็นเวลา 5 เดือน เพื่อเป็นแหล่งสะสมเสบียงอาหาร และรี้พล จากนั้นจึงนำกำลังพล ทั้งไทย-จีน จำนวน 5,000 คน กลับไปกอบกู้กรุงศรีอยุธยา ในปี พ.ศ. 2310 เหตุการณ์ดังกล่าว นับเป็นความภาคภูมิใจ ของชาวจันทบุรี ซึ่งเราสามารถเห็นได้จาก การที่มีโบราณสถาน และอนุสรณ์สถานหลายแห่ง ที่มีความเกี่ยวข้องหรือจัดสร้างขึ้น เพื่อเป็นการน้อมรำลึกถึง พระมหากรุณาธิคุณ ของพระองค์ในครั้งนั้น
ต่อมาในสมัยสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ย้ายเมืองไปตั้งที่บ้านเนินวง ซึ่งอยู่ในที่สูง เพื่อเป็นที่มั่นในการป้องกันการถูกรุกราน ของญวณ จนกระทั่งในสมัย พระบาทสมเด็จ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เมืองจันทบุรี ได้ย้ายกลับมาตั้งที่ บ้านลุ่ม ตามเดิม เนื่องจากบ้านเนินวง อยู่ไกลจากแหล่งน้ำ ในปี พ.ศ. 2436 เกิดกรณีพิพาทระหว่างไทยกับฝรั่งเศส และฝรั่งเศสได้เข้ามายึดครองเมืองจันทบุรี ไว้นานถึง 11 ปี จนไทยต้องยอมยกดินแดนฝั่งซ้าย แม่น้ำโขง ให้กับฝรั่งเศส เพื่อแลกเมืองจันทบุรีกลับคืนมา
________________________________________

อาณาเขต
ทิศเหนือ ติดต่อจังหวัดสระแก้ว ฉะเชิงเทรา และ ชลบุรี
ทิศใต้ ติดต่ออ่าวไทย
ทิศตะวันออก ติดต่อจังหวัดตราด และราชอาณาจักรกัมพูชา
ทิศตะวันตก ติดต่อจังหวัดระยอง
________________________________________


การปกครอง
ในปี พ.ศ. 2476 ได้มีการจัดระเบียบบริหารราชการแผ่นดินขึ้นใหม่ เมืองจันทบุรีจึงมีฐานะเป็นจังหวัด มาจนถึงปัจจุบัน จันทบุรีมีพื้นที่ประมาณ 6,338 ตารางกิโลเมตร แบ่งการปกครองออกเป็น 10 อำเภอ คือ อำเภอเมือง อำเภอท่าใหม่ อำเภอขลุง อำเภอแหลมสิงห์ อำเภอโป่งน้ำร้อน อำเภอมะขาม อำเภอสอยดาว อำเภอนายายอาม อำเภอแก่งหางแมว และอำเภอเขาคิชฌกูฏ

สถานที่ท่องเที่ยว : เส้นทาง อ.เมือง - แหลมสิงห์ - ขลุง

วัดเนินสูง

แยกขวาเข้าตรงกิโลเมตรที่ 338 ไปประมาณ 900 เมตร วัดนี้มีจิตรกรรม ฝาผนังเช่นเดียวกับวัดไผ่ล้อม
วัดมังกรบุปผาราม หรือวัด “เล่งฮัวยี่”
ในภาษาจีน ตั้งอยู่ริมถนนสุขุมวิท บริเวณหลักกิโลเมตรที่ 345 ห่างจากตัวเมืองจันทบุรีประมาณ 12 กิโลเมตร เป็นวัดจีนที่สงบและสวยงาม
น่าแวะไปเยี่ยมชม

อุทยานแห่งชาติน้ำตกพลิ้ว

ตั้งอยู่ในเขตเทือกเขาสระบาป อำเภอแหลมสิงห์ จากตัวเมืองขับรถออกมาที่ถนนสุขุมวิทตรงกิโลเมตรที่ 346 มีทางแยกซ้ายไปน้ำตกพลิ้ว 2 กิโลเมตร (สามารถใช้บริการรถสองแถวจันทบุรี-น้ำตกพริ้ว ค่าโดยสาร 20 บาท)
แหล่งทอเสื่อจันทบูรบ้านบางสระเก้า เสื่อจันทบูร
เป็นหัตถกรรมที่มีชื่อเสียงของจังหวัดจันทบุรี ซึ่งผู้มาเที่ยวเมืองจันท์นิยมหาซื้อเพื่อเป็นของใช้ของฝาก กรรมวิธีการผลิตเริ่มจากเก็บต้นกกที่ปลูกไว้มาผ่าเป็นเส้นแล้วตากแดดให้แห้ง จากนั้นนำมาย้อมสีแล้วตากให้แห้งอีกครั้ง แล้วจึงนำมาทอเป็นผืนเสื่อให้มีลวดลายสวยงาม นอกจากนี้ยังมีการประดิษฐ์เป็นเครื่องใช้อื่น ๆ อีก เช่น กระเป๋า กล่องใส่กระดาษเช็ดมือ ที่รองจาน และที่ใส่จดหมาย เหมาะแก่การซื้อหาเป็นของฝาก หากจะไปชมวิธีการผลิตที่บ้านบางสระเก้า เดินทางจากตัวเมืองข้ามสะพานตรีรัตน์ไปยังถนนสุขุมวิท เลี้ยวขวาทางไปตราดประมาณ 8 กิโลเมตร จะมีทางแยกขวาไปบ้านบางสระเก้าเป็นระยะทางอีก 8 กิโลเมตร นอกจากบางสระเก้าแล้วยังมีแหล่งทอเสื่อกกอยู่ที่บ้านเสม็ดงาม และบ้านตะเคียนคู่ในเขตอำเภอเมืองอีกด้วย

คุกขี้ไก่

อยู่ก่อนถึงหาดแหลมสิงห์ราว 1 กิโลเมตร เป็นคุกที่ฝรั่งเศสสร้างขึ้นเพื่อกักขังคนไทยที่ต่อต้าน เมื่อครั้งฝรั่งเศสเข้ายึดจันทบุรีในกรณีพิพาทกันด้วยเรื่องดินแดนฝั่งซ้ายแม่น้ำโขง พ.ศ. 2436 (ร.ศ. 112) คุกขี้ไก่มีลักษณะเป็นหอสี่เหลี่ยมจัตุรัส กว้างยาวด้านละประมาณ 4.40 เมตร สูงประมาณ 7 เมตร ก่อด้วยอิฐถือปูน มีช่องระบายอากาศอยู่สองแถว หลังคาโปร่ง เล่ากันว่า เป็นคุกที่ทรมานมากเพราะชั้นบนใช้เป็นที่เลี้ยงไก่ ซึ่งจะถ่ายมูลรดศีรษะนักโทษที่ถูกคุมขังตลอดเวลา

ตึกแดง

ตั้งอยู่ใกล้กับคุกขี้ไก่ เดิมเป็นที่ตั้งของป้อมพิฆาตปัจจามิตร แต่ฝรั่งเศสดัดแปลงป้อมนี้ให้เป็นที่พักและกองบัญชาการทหารฝรั่งเศส ตึกแดงสร้างขึ้นพร้อมกับคุกขี้ไก่ เป็นตึกชั้นเดียว สีแดง หลังคามุงกระเบื้อง ปัจจุบันใช้เป็นห้องสมุดประชาชนอำเภอแหลมสิงห์

หาดแหลมสิงห์

ห่างจากตัวเมือง 31 กิโลเมตร โดยเดินทางไปตามถนนสุขุมวิท เส้นทางไปจังหวัดตราด ถึง กม. 347 มีทางแยกขวาไปหาดแหลมสิงห์อีก 16 กิโลเมตร เป็นชายหาดที่ร่มรื่นด้วยแนวสนซึ่งทอดยาวไปตลอดชายหาด ริมหาดมีร้านอาหาร และมีเรือให้เช่าไปเที่ยวเกาะจุฬา ซึ่งอยู่หน้าหาดแหลมสิงห์

โอเอซีส ซี เวิลด์

ตั้งอยู่ก่อนถึงหาดแหลมสิงห์ ที่ตำบลปากน้ำ อำเภอแหลมสิงห์ เป็นสถานที่เพาะพันธุ์และอนุรักษ์ปลาโลมาในน่านน้ำจันทบุรี ซึ่งมีอยู่ 2 พันธุ์ คือ พันธุ์หัวบาตร และพันธุ์หัวขวด มีการแสดงของปลาโลมาให้ชมวันละประมาณ 5 รอบ นอกจากนี้ยังมีสวนผีเสื้อ บ่อปลา และสัตว์ต่าง ๆ รวมทั้งร้านอาหาร ร้านขายของที่ระลึก และที่พัก เปิดให้เข้าชมทุกวัน วันธรรมดาเวลา 09.00-18.00 น. วันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดราชการเวลา 07.00-18.00 น. ค่าเข้าชมผู้ใหญ่ 90 บาท เด็ก 50 บาท รายละเอียดเพิ่มเติม โทร. (039) 363238-9

ภูเก็ต



" ไข่มุกอันดามัน สวรรค์เมืองใต้ หาดทรายสีทอง สองวีรสตรี บารมีหลวงพ่อแช่ม "


ข้อมูลทั่วไป



ภูเก็ต เป็นเกาะใหญ่ที่สุดของประเทศไทย มีฐานะเป็นจังหวัดหนึ่งในภาคใต้ ตั้งอยู่ทางชายฝั่งทะเลตะวันตกของประเทศไทยในน่านน้ำทะเลอันดามัน มหาสมุทรอินเดีย มีพื้นที่ประมาณ 543 ตารางกิโลเมตร ความยาวสุดของเกาะภูเก็ตวัดจากทิศเหนือถึงทิศใต้ประมาณ 47.8 กิโลเมตร และส่วนกว้างที่สุดวัดจากทิศตะวันออกถึงทิศตะวันตกประมาณ 21.3 กิโลเมตร
มีภูมิอากาศแบบฝนเมืองร้อนมีลมพัดผ่านตลอดเวลา อากาศอบอุ่นและชุ่มชื้นตลอดปี มี 2 ฤดู คือ ฤดูร้อนและฤดูฝน ฤดูฝนเริ่มเดือนพฤษภาคม-ปลายเดือนตุลาคม ฤดูร้อนเริ่มประมาณเดือนพฤศจิกายน-เดือนเมษายน อุณหภูมิโดยเฉลี่ยสูงสุดประมาณ 33 อาศาเซลเซียส ต่ำสุด 23 องศาเซลเซียส ช่วงที่อากาศดีที่สุด อยู่ในช่วงเดือนพฤศจิกายน-เมษายน ไม่มีฝน ท้องฟ้าแจ่มใส อุณหภูมิประมาณ 31 องศาเซลเซียส
ประชากรของจังหวัดภูเก็ตส่วนใหญ่เป็นคนไทย นอกนั้นมีชาวมลายู แขก ซิกซ์ ปาทานกลิงค์กรูซ่า ชาวเล และชาวต่างชาติอื่นๆ ภาษาที่ใช้ในภูเก็ตมี 2 ภาษา คือ ภาษาไทย ซึ่งใช้ในราชการเป็นภาษากลาง และภาษาท้องถิ่น ซึ่งเป็นภาษาปักษ์ใต้ที่มีเอกลักษณ์เป็นของตนเอง อาชีพของพลเมืองในด้านการเกษตรส่วนใหญ่ทำสวนยางพารา สวนมะพร้าว สวนผลไม้
ในด้านอุตสาหกรรมมีการทำเหมืองแร่ดีบุก แร่วุลแฟรม การถลุงแร่ดีบุก การทำยางแผ่นรมควัน และการทำปลาป่น ปลากระป๋อง เป็นต้น และขณะนี้อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวได้ขยายตัวอย่างมาก มีการสร้างโรงแรมขนาดใหญ่ที่ได้มาตรฐานและมีบริษัทนำเที่ยวเกิดขึ้นหลายแห่ง
________________________________________


ประวัติความเป็นมา :

จากหลักฐานทางประวัติศาสตร์ พื้นที่บริเวณเกาะภูเก็ตได้มีการเรียกขานกันมาหลายชื่อ ได้แก่ แหลมตะโกลา มณีคราม จังซีลอน ภูเก็จ (ซึ่งหมายถึงภูเขาแก้ว) จนกลายเป็นคำว่า “ภูเก็ต” เป็นเมืองที่มีมานานตั้งแต่สมัยกรุงสุโขทัย โดยตัวเมืองอยู่ที่ถลางซึ่งเป็นเมืองเล็ก ๆ เมืองถลางเดิมมีขุนนางไทยคอยดูแลรักษาผลประโยชน์เพราะฝรั่งชาติฮอลันดามารับซื้อสินค้าจำพวกแร่ ต่อมาถึงรัชกาลที่ 1 พระเจ้ากรุงอังวะยกกองทัพเข้ามารุกรานหัวเมืองฝ่ายตะวันตกแถบชายทะเลของไทยในปี พ.ศ.2328 โดยแบ่งกองทัพยกไปตีเมืองกระ ระนอง ชุมพร ไชยา ตลอดลงไปถึงเมืองนครศรีธรรมราช ขณะนั้นกองทัพกรุงเทพฯ ยังติดพันการศึกที่กาญจนบุรียกมาช่วยไม่ทัน พม่าส่งแม่ทัพชื่อยี่หวุ่น ยกทัพเรือมาตีได้ตะกั่วทุ่ง ตะกั่วป่า แล้วเลยไปตั้งค่ายล้อมเมืองถลางไว้ ขณะนั้นพระยาถลางถึงแก่กรรมยังไม่ได้ตั้งเจ้าเมืองใหม่ ภริยาเจ้าเมืองถลางชื่อจัน กับน้องสาวชื่อมุก จึงคิดอ่านกับกรรมการทั้งปวงตั้งค่ายใหญ่ขึ้น 2 ค่าย ป้องกันรักษาเมืองเป็นสามารถ พม่าล้อมเมืองอยู่เดือนเศษเมื่อหมดเสบียงก็เลิกทัพกลับไป
ต่อมาพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกโปรดเกล้าฯ พระราชทานเครื่องยศให้วีรสตรีทั้งสองเป็นท้าวเทพกษัตรีและท้าวศรีสุนทร เป็นที่น่าภาคภูมิใจแก่ชาวเมืองตลอดมา เกาะถลางหรือเมืองถลางได้เปลี่ยนชื่อเป็นเกาะภูเก็ต หรือเมืองภูเก็ตในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
ภูเก็ต ได้ชื่อว่าเป็นไข่มุกแห่งอันดามัน เมืองท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงไปทั่วโลก ในด้านความสวยงามของทิวทัศน์ และหาดทราย น้ำทะเลสีฟ้าใส พร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกทางการท่องเที่ยวครบครัน เป็นเกาะใหญ่ที่สุดของประเทศไทย มีฐานะเป็นจังหวัดหนึ่งในภาคใต้ ตั้งอยู่ทางชายฝั่งทะเลตะวันตกของประเทศไทยในน่านน้ำทะเลอันดามัน มหาสมุทรอินเดีย มีพื้นที่ประมาณ 543 ตารางกิโลเมตร ความยาวสุดของเกาะภูเก็ตวัดจากทิศเหนือถึงทิศใต้ประมาณ 48.7 กิโลเมตร และส่วนกว้างที่สุดวัดจากทิศตะวันออกถึงทิศตะวันตกประมาณ 21.3 กิโลเมตร ภูเก็ตแบ่งออกเป็น 3 อำเภอ คือ อำเภอเมือง อำเภอถลาง และอำเภอกะทู้
________________________________________

อาณาเขต :

ทิศเหนือ จดช่องปากพระ จังหวัดพังงา เชื่อมโดยสะพานสารสินและสะพานเทพกระษัตรี
ทิศใต้ จดทะเลอันดามัน มหาสมุทรอินเดีย
ทิศตะวันออก จดทะเลเขตจังหวัดพังงา
ทิศตะวันตก จดทะเลอันดามัน มหาสมุทรอินเดีย
จังหวัดภูเก็ตแบ่งการปกครองออกเป็น 3 อำเภอ คือ อำเภอเมือง อำเภอถลาง และอำเภอกะทู้


สถานที่ท่องเที่ยว : อ.ถลาง

อนุสาวรีย์วีรสตรี

อนุสาวรีย์ท้าวเทพกษัตรีย์และท้าวศรีสุนทร ตั้งอยู่ที่สี่แยกท่าเรือ เขตอำเภอถลาง ก่อนถึงตัวเมืองภูเก็ต 12 กิโลเมตร
พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติถลาง
ตั้งอยู่ห่างจากอนุสาวรีย์วีรสตรีประมาณ 50 เมตร ตัวอาคารได้รับการออกแบบให้มีรูปทรงเป็นบ้านท้องถิ่นของชาวภูเก็ต มี 2 หลัง อาคารหลังแรกจัดแสดงเรื่องก่อนประวัติศาสตร์ชายฝั่งทะเลตะวันตก สมัยแรกเริ่มประวัติศาสตร์เมื่ออารยธรรมอินเดียเผยแพร่เข้ามาประวัติและวิธีการทำเหมืองแร่ดีบุก และสวนยางพารา ศิลปะพื้นบ้านและชาติพันธุ์วิทยาของกลุ่มชนที่อาศัยอยู่บริเวณคาบสมุทรมลายู สำหรับอาคารหลังที่สองจัดแสดงฉากและเรื่องราวของศึกถลาง ชีวิตความเป็นอยู่และประเพณีที่น่าสนใจของชาวจีนในภูเก็ต และเรื่องราวความเป็นมาและถิ่นอาศัยของชาวเลในภูเก็ต เปิดให้เข้าชมทุกวัน เว้นวันจันทร์ วันอังคาร และวันหยุดนักขัตฤกษ์ ตั้งแต่เวลา 09.00-16.00 น. ค่าเข้าชมคนไทย 10 บาท ชาวต่างประเทศ 30 บาท รายละเอียดติดต่อ โทร. 311426

วัดพระทอง (วัดพระผุด)

อยู่ห่างจากตัวเมืองภูเก็ตประมาณ 20 กิโลเมตร จากตัวเมืองภูเก็ตเลยที่ว่าการอำเภอถลางไปเล็กน้อยจะมีทางแยกขวามือเข้าวัดพระทอง วัดนี้มีพระพุทธรูปผุดขึ้นจากพื้นดินเพียงครึ่งองค์ เมื่อคราวศึกพระเจ้าปะดุง ยกพลมาตีเมืองถลาง พ.ศ. 2328 ทหารพม่าพยายามขุดพระผุดเพื่อนำกลับไปพม่า แต่ขุดลงไปคราวใดก็มีฝูงแตนไล่ต่อยจนต้องละความพยายาม ต่อมาชาวบ้านได้นำทองหุ้มพระพุทธรูปที่ผุดจากพื้นดินเพียงครึ่งองค์ ดังปรากฎอยู่จนถึงปัจจุบัน

วัดพระนางสร้าง
อยู่ห่างจากตัวเมือง 20 กิโลเมตร ไปตามเส้นทางถนนเทพกษัตรีย์ ถึงสี่แยกอำเภอถลาง ตั้งอยู่ทางด้านซ้ายเป็นวัดที่เก่าแก่ และเป็นแหล่งประวัติศาสตร์เมืองถลางที่สำคัญแห่งหนึ่ง เพราะเคยเป็นค่ายสู้รบกับพม่า เมื่อปี พ.ศ. 2328 นอกจากนี้ภายในอุโบสถเก่าแก่ยังเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปดีบุกที่เก่าแก่และใหญ่ที่สุดในโลก 3 องค์เรียกว่า “พระในพุง” หรือ “พระสามกษัตริย์” ซึ่งอยู่ในพระอุทรของพระพุทธรูปหล่อองค์ใหญ่ 3 องค์อีกชั้นหนึ่ง

อุทยานสัตว์ป่าเขาพระแทว

อยู่ห่างจากตัวเมืองภูเก็ตประมาณ 20 กิโลเมตร จากตัวเมืองภูเก็ตไปอำเภอถลาง เมื่อถึงสี่แยกในเขตเมืองถลางซึ่งอยู่ห่างจากตัวภูเก็ต 18 กิโลเมตร แยกไปทางซ้ายมืออีกประมาณ 2 กิโลเมตร ได้รับการจัดตั้งเป็นอุทยานสัตว์ป่า เมื่อเดือนกรกฎาคม 2512 มีเนื้อที่ 13,925 ไร่ เป็นป่าที่อุดมสมบูรณ์ มีสัตว์ป่าหลายชนิดอยู่ตามธรรมชาติ และมีพันธุ์ไม้หายากคือ “ปาล์มหลังขาว” โดยมีแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญ ดังนี้

น้ำตกโตนไทร
อยู่ห่างจากตัวเมือง 22 กิโลเมตร ไปตามถนนเทพกษัตรีย์ถึงสี่แยกอำเภอถลางแล้วเลี้ยวขวาไป 3 กิโลเมตร ก็จะถึงบริเวณน้ำตกโตนไทร เป็นน้ำตกขนาดเล็ก น้ำจะไหลแรงในช่วงฤดูฝน มีต้นไม้ใหญ่น้อยร่มรื่นเหมาะแก่การพักผ่อน

-น้ำตกบางแป
ไปจากตัวเมืองถึงอนุสาวรีย์ท้าวเทพกษัตรีย์ท้าวศรีสุนทรแล้วเลี้ยวขวาไปทางตำบลป่าคลอก 7 กิโลเมตร เป็นน้ำตกขนาดเล็ก มีสวนรุกขชาติร่มรื่น และสถานอนุบาลชะนี ซึ่งเป็นโครงการเพื่อฟื้นฟูสภาพร่างกายและจิตใจของชะนีที่ถูกจับมาเลี้ยง ให้พร้อมที่จะกลับคืนสู่ป่าต่อไป
สำหรับผู้ที่ต้องการเดินป่าสัมผัสธรรมชาติ ทางอุทยานฯ ได้จัดทำทางเดินเท้าไว้ 3 เส้นทาง ขอคำแนะนำได้จากเจ้าหน้าที่ศูนย์ศึกษาธรรมชาติในเขตอุทยานฯ
นักท่องเที่ยวผู้ที่ประสงค์จะเข้าพักแรมที่อุทยานสัตว์ป่าเขาพระแทว ต้องทำหนังสือขออนุญาตถึงผู้อำนวยการส่วนอนุรักษ์สัตว์ป่า กรมป่าไม้ บางเขน กรุงเทพฯ โทร. 579-4847 หรือติดต่อโดยตรงที่หัวหน้าอุทยานสัตว์ป่าเขาพระแทว ที่ทำการอุทยานสัตว์ป่าเขาพระแทว ถนนเทพกษัตรีย์ อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต 83100

หาดสุรินทร์
อยู่ห่างจากตัวเมืองภูเก็ตประมาณ 24 กิโลเมตร จากตัวเมืองภูเก็ตใช้เส้นทาง 402 เมื่อถึงอนุสาวรีย์วีรสตรีแล้วไปทางซ้ายมืออีก 12 กิโลเมตร เป็นหาดที่อยู่ริมเชิงเขา บริเวณเหนือหาดมีต้นสนทะเลต้นใหญ่ๆ อยู่เรียงราย และบริเวณเหนือหาดด้านขวามือเป็นสนามกอล์ฟ หาดสุรินทร์ชายหาดไม่เหมาะแก่การเล่นน้ำ เพราะมีลักษณะลาดชัน และในฤดูมรสุมจะมีคลื่นลมจัดมาก

แหลมสิงห์
จากหาดสุรินทร์ประมาณ 1 กิโลเมตร จะมีทางแยกซึ่งเป็นถนนส่วนบุคคลเข้าสู่หาดแหลมสิงห์ อาจจะขออนุญาตผ่านถนนส่วนบุคคล หรือเดินเลี่ยงไปอีกทางหนึ่งซึ่งเป็นทางเดินไปตามลาดเขาลงสู่ชายหาด หาดทรายแหลมสิงห์เป็นหาดเล็กๆ ทรายขาวสะอาด ทางซ้ายมือของหาดเป็นแหลมเล็กๆ ที่มีโขดหินสวยงาม เรียกว่า แหลมสิงห์

อ่าวบางเทา
อยู่ห่างจากตัวเมืองภูเก็ตประมาณ 24 กิโลเมตร ตามถนนเทพกษัตรีย์ไปทางเหนือสู่อนุสาวรีย์ท้าวเทพกษัตรีย์ท้าวศรีสุนทร จากนั้นเลี้ยวซ้ายเข้าสู่ถนนศรีสุนทรไปอีก 12 กิโลเมตร จนถึงหาดสุรินทร์เลี้ยวขวาไปอีก 2 กิโลเมตร ถึงอ่าวบางเทา เป็นหาดทรายทอดตัวยาวเหมาะสำหรับการเล่นน้ำและกีฬาทางน้ำต่างๆ